ปัตตานี - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย และทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
วันนี้ (11 เม.ย.) ขณะที่เจ้าหน้าตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรยะรัง จำนวน 8 นาย เดินทางปฏิบัติหน้าที่ด้วยรถกระบะ จำนวน 2 คัน เพื่อปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ เมื่อเดินทางถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ณ ถนนสายระแว้ง-สะนอ บ้านระแว้ง ตำบลระแว้ง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 คน กำลังจอดรถจักรยานยนต์พูดคุยกันอยู่ริมถนนท่าทางมีพิรุธ จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจสอบ แต่บุคคลต้องสงสัย 2 คน ได้ใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 มิลลิเมตร ยิงใส่เจ้าหน้าที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนอีก จำนวน 2 คน ได้หลบหนีเข้าไปในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงทำการติดตาม และเกิดการปะทะกันขึ้น ภายหลังมีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 2 คน ทราบชื่อคือ นายซอบือรี เจะหะ และนายยูโซ๊ะ เจ๊ะหลง พร้อมอาวุธปืนพกขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 2 กระบอก และระเบิดขว้างแบบมาตรฐาน เอ็ม67 จำนวน 1 ลูก
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีการชี้แจงดังนี้
1.พฤติกรรมของ นายซอบือรี เจะหะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/1 บ้านน้ำใส หมู่ที่ 5 ตำบลลุโบะยิไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ เป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา ศาลจังหวัดปัตตานี จำนวน 18 หมาย เคยถูกควบคุมตัวมาแล้ว จำนวน 4 ครั้ง เคยก่อเหตุอุกอาจในหลายพื้นที่ในจังหวัดปัตตานี ซึ่งยืนยันได้จาก CCTV ที่เก็บภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2559 ทำการลอบยิง น.ส.สุณิสา บุญเย็น ครูอัตราจ้าง กศน.มายอ เสียชีวิต และ น.ส.ชฏพร ศรีเส้ง ลูกจ้าง กศน.มายอ ได้รับบาดเจ็บ
2.พฤติกรรมของ นายยูโซ๊ะ เจ๊ะหลง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 4 ตำบลบางอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่ เป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 3 หมาย คดีที่สำคัญได้แก่เหตุลอบยิง นายอูมา อีแต ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต เมื่อ 22 ม.ค.2561
3.จากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ได้สร้างความเดือดร้อนเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลจากการปฏิบัติดังกล่าวเกิดจากการพบพิรุธของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เตรียมการเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ และได้เกิดการยิงปะทะจนนำไปสู่การสูญเสีย
ทางด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ได้มีการกล่าวแสดงความเสียใจมายังญาติผู้สูญเสียทั้ง 2 ราย โดยอธิบายว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอน แต่ผู้เสียชีวิตได้ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อน ประกอบกับผู้เสียชีวิตได้ทำการก่อเหตุรุนแรงทำให้มีหมายจับมากมาย และเคยก่อคดีทำลายความมั่นคงมาหลายเหตุการณ์ จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย และขอเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งปฏิบัติด้วยความกล้าหาญ มีไหวพริบในการทำงาน จนสามารถยับยั้งเหตุไม่ให้มีการสูญเสียเพิ่มขึ้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยึดมั่นในหลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เที่ยงธรรม ยึดหลักสิทธิมนุษยชนต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงที่กระทำความผิดทุกกรณี และยังเปิดโอกาสช่องทางให้ผู้ที่หลงผิดกลับมาต่อสู้คดีตามโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และร่วมกันสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป