ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หนุ่มใหญ่รับจ้างหาเงินเลี้ยงลูก 4 คน หลังภรรยาแยกทาง สลดใจลูกชายคนโตพิการพัฒนาการล่าช้า นอนกับที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ น้อยใจชีวิตแต่ยืนยันไม่ทอดทิ้งลูก หวังมีเงินทุนสักก้อนเลี้ยงปลาหารายได้ และอยู่ดูแลลูกให้ใกล้ชิดมากกว่านี้
นายอรัญ สุวรรณรักษา นายกเทศมนตรีตำบลปาดัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 59 ม.6 ต.เขารูปช้าง อ.สะเดา จ.สงขลา หลังทราบว่าที่บ้านหลังดังกล่าว มีพ่อ ซึ่งเลี้ยงลูกพิการมานานหลายปี โดยพบ นายวิชิต บุญสว่าง อายุ 41 ปี อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวพร้อมลูกๆ 4 คน
นายวิชิต หรือโอ เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพกรีดยางพารา และรับจ้างทั่วไป มีลูก 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน คนโตชื่อ ด.ช.ปรวัฒน์ บุญสว่าง หรือน้องโฟล์ค อายุ 13 ปี ป่วยเป็นโรคพัฒนาการล่าช้าตั้งแต่กำเนิด ส่วนลูกชายอีกคนอายุ 9 ขวบ และลูกผู้หญิงอายุ 7 ขวบ 5 ขวบ ตามลำดับ ซึ่งลูกชายอยู่กับตนเอง ส่วนลูกผู้หญิงได้ส่งไปเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 43 อ.นาทวี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเพื่อแบ่งเบาภาระการดูแล โดยจะไปรับกลับมาอยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุดยาว หรือช่วงปิดเทอม
สำหรับน้องโฟลค์ ตอนแรกคลอดออกมาก็ปกติดี แต่พออายุได้ประมาณ 7 เดือน เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ คือ คอน้องไม่ตั้ง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล รพ.สงขลานครินทร์ จึงทราบว่าน้องเป็นโรคพัฒนาการล่าช้า ก็ทำการรักษาเรื่อยมาตั้งแต่ ปี 2550-2552 หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปรับการรักษาอีกเนื่องจากติดขัดเรื่องของเวลา และไม่มีเงินทั้งๆ ที่เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะหมอบอกว่ายาบางตัวเป็นยาพิเศษ มีราคาสูงเข็มละ 7,000-10,000 บาท และเบิกไม่ได้ จึงหยุดไปรับการรักษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน น้องโฟล์ค อายุ 13 ปี นั่งไม่ได้ต้องนอนอยู่กับพื้นตลอดเวลา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ขยับตัว และมือด้านขวาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องป้อนน้ำป้อนข้าวให้ เวลาที่ออกไปกรีดยาง หรือทำงานรับจ้างก็ทิ้งน้องไว้ที่บ้านตามลำพัง ถึงเวลาก็มาป้อนข้าวป้อนน้ำ ส่วนภรรยาทิ้งไปตั้งแต่ปี 2556 ก็เลี้ยงลูกเรื่อยมาไม่ท้อ ทำทุกวันให้ดีดูแลรักษาพาลูกให้รอดก็พอใจแล้ว
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ทำงานรับจ้างมีรายได้วันละ 200-300 ส่วนตัวอยากได้เงินทุนสักก้อนเพื่อจะเลี้ยงปลาให้มีรายได้อย่างยั่งยืน จะได้มีเวลาอยู่ดูแลลูกอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปไหนไกลๆ เพราะต้องคอยป้อนน้ำป้อนข้าวเขาทุกวัน
ด้าน นายโอภาส สุขะปุณพันธ์ ผช.เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ครอบครัวของนายวิชิต ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในพื้นที่ ต.สำนักแต้ว หลังจากนั้น ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลปาดัง ในส่วนของความช่วยช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น เจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลปาดัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพของเด็ก รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ แต่ก็ช่วยเหลือได้ไม่มากนักเนื่องจากติดปัญหาเรื่องระเบียบราชการ โดยน้องโฟล์ค ได้รับเงินช่วยเหลือผู้พิการเดือนละ 800 บาท
นอกจากนั้น นายอรัญ สุวรรณรักษา นายกเทศมนตรีตำบลปาดัง ได้ให้เงินเป็นการส่วนตัวเดือนละ 1,000 บาท พร้อมข้าวสารอาหารแห้งบ้างเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ขณะนี้ นายวิชิต อยากมีเงินทุนสักก้อนในการลงทุนเลี้ยงปลาในที่ข้างบ้าน เพื่อที่จะมีรายได้เสริม และหากสามารถมีรายได้พอเพียงก็จะทำให้สามารถได้อยู่ดูแลน้องโฟล์ค ได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น สำหรับผู้มีจิตศรัทธา ต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่หมายเลขบัญชี 020037362989 ธ.ก.ส.สาขาสะเดา ชื่อบัญชี นายวิชิต บุญสว่าง
นายอรัญ สุวรรณรักษา นายกเทศมนตรีตำบลปาดัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 59 ม.6 ต.เขารูปช้าง อ.สะเดา จ.สงขลา หลังทราบว่าที่บ้านหลังดังกล่าว มีพ่อ ซึ่งเลี้ยงลูกพิการมานานหลายปี โดยพบ นายวิชิต บุญสว่าง อายุ 41 ปี อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวพร้อมลูกๆ 4 คน
นายวิชิต หรือโอ เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพกรีดยางพารา และรับจ้างทั่วไป มีลูก 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน คนโตชื่อ ด.ช.ปรวัฒน์ บุญสว่าง หรือน้องโฟล์ค อายุ 13 ปี ป่วยเป็นโรคพัฒนาการล่าช้าตั้งแต่กำเนิด ส่วนลูกชายอีกคนอายุ 9 ขวบ และลูกผู้หญิงอายุ 7 ขวบ 5 ขวบ ตามลำดับ ซึ่งลูกชายอยู่กับตนเอง ส่วนลูกผู้หญิงได้ส่งไปเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 43 อ.นาทวี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเพื่อแบ่งเบาภาระการดูแล โดยจะไปรับกลับมาอยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุดยาว หรือช่วงปิดเทอม
สำหรับน้องโฟลค์ ตอนแรกคลอดออกมาก็ปกติดี แต่พออายุได้ประมาณ 7 เดือน เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ คือ คอน้องไม่ตั้ง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล รพ.สงขลานครินทร์ จึงทราบว่าน้องเป็นโรคพัฒนาการล่าช้า ก็ทำการรักษาเรื่อยมาตั้งแต่ ปี 2550-2552 หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปรับการรักษาอีกเนื่องจากติดขัดเรื่องของเวลา และไม่มีเงินทั้งๆ ที่เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะหมอบอกว่ายาบางตัวเป็นยาพิเศษ มีราคาสูงเข็มละ 7,000-10,000 บาท และเบิกไม่ได้ จึงหยุดไปรับการรักษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน น้องโฟล์ค อายุ 13 ปี นั่งไม่ได้ต้องนอนอยู่กับพื้นตลอดเวลา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ขยับตัว และมือด้านขวาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องป้อนน้ำป้อนข้าวให้ เวลาที่ออกไปกรีดยาง หรือทำงานรับจ้างก็ทิ้งน้องไว้ที่บ้านตามลำพัง ถึงเวลาก็มาป้อนข้าวป้อนน้ำ ส่วนภรรยาทิ้งไปตั้งแต่ปี 2556 ก็เลี้ยงลูกเรื่อยมาไม่ท้อ ทำทุกวันให้ดีดูแลรักษาพาลูกให้รอดก็พอใจแล้ว
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ทำงานรับจ้างมีรายได้วันละ 200-300 ส่วนตัวอยากได้เงินทุนสักก้อนเพื่อจะเลี้ยงปลาให้มีรายได้อย่างยั่งยืน จะได้มีเวลาอยู่ดูแลลูกอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปไหนไกลๆ เพราะต้องคอยป้อนน้ำป้อนข้าวเขาทุกวัน
ด้าน นายโอภาส สุขะปุณพันธ์ ผช.เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ครอบครัวของนายวิชิต ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในพื้นที่ ต.สำนักแต้ว หลังจากนั้น ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลปาดัง ในส่วนของความช่วยช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น เจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลปาดัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพของเด็ก รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ แต่ก็ช่วยเหลือได้ไม่มากนักเนื่องจากติดปัญหาเรื่องระเบียบราชการ โดยน้องโฟล์ค ได้รับเงินช่วยเหลือผู้พิการเดือนละ 800 บาท
นอกจากนั้น นายอรัญ สุวรรณรักษา นายกเทศมนตรีตำบลปาดัง ได้ให้เงินเป็นการส่วนตัวเดือนละ 1,000 บาท พร้อมข้าวสารอาหารแห้งบ้างเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ขณะนี้ นายวิชิต อยากมีเงินทุนสักก้อนในการลงทุนเลี้ยงปลาในที่ข้างบ้าน เพื่อที่จะมีรายได้เสริม และหากสามารถมีรายได้พอเพียงก็จะทำให้สามารถได้อยู่ดูแลน้องโฟล์ค ได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น สำหรับผู้มีจิตศรัทธา ต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่หมายเลขบัญชี 020037362989 ธ.ก.ส.สาขาสะเดา ชื่อบัญชี นายวิชิต บุญสว่าง