ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 จัดแถลงข่าวการดำเนินการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐ พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานมายืนยันว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาบางแห่งมีความเกี่ยวโยงต่อการทุจริต
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี และ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ร่วมแถลงข่าวการดำเนินการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐ พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานมายืนยันว่า โรงเรียนบากงพิทยา มีความเกี่ยวโยงต่อการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐ
หลังจากที่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบภายในโรงเรียนบากงพิทยา บ้านบากง ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ผลการดำเนินการตรวจพบเอกสารปลุกระดมมวลชนเพื่อสร้างความวุ่นวาย และก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน ถังดับเพลิง และถังแก๊สปิคนิค ที่เก็บไว้ในลักษณะอำพรางซุกซ่อน ไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ อาจมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ที่น่าสงสัย และตรวจพบหลักฐานการทุจริตงบประมาณในการอุดหนุนการศึกษาของรัฐ การให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงที่อำพรางเป็นบุคลากรทางการศึกษาอยู่ในโรงเรียน
ด้าน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า โรงเรียนบากงพิทยา มีพฤติกรรมการทุจริตงบประมาณของรัฐในการให้การสนับสนุนการศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย
1.บัญชีรายนักเรียนที่ไม่ตรงกับจำนวนที่เข้าเรียนจริง เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีนักเรียนที่มิได้เข้าเรียนจริงจำนวนหนึ่ง ในจำนวนนี้พิสูจน์แล้วยืนยันว่า ไม่ได้เข้าเรียน จำนวน 3 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ
2.ใบเสร็จรับเงินที่จัดซื้อหนังสือเรียนที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องยอมรับว่า ได้จัดซื้อจริงเพียงร้อยละ 20 ส่วนที่เหลือให้ร้านค้าเขียนใบเสร็จเต็มจำนวนเพื่อให้ได้ประโยชน์จากส่วนต่าง
3.มีการจ่ายค่าตอบแทนครูน้อยกว่าที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด กล่าวคือ กระทรวงศึกษาธิการจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้ครูที่บรรจุตามวุฒิ รายละ 15,000 บาท แต่โรงเรียนจ่ายให้ประมาณ 7,000-8,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นความสมัครใจของครู เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเฉลี่ยจ่ายให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้บรรจุตามวุฒิ
4.มีการจ่ายค่าเสี่ยงภัยของครูน้อยกว่าที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด กล่าวคือ กระทรวงศึกษาธิการจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้ครู รายละ 2,500 บาทต่อเดือน แต่โรงเรียนจ่ายให้เพียง 1,000-1,500 บาท โดยอ้างว่าต้องนำมาเฉลี่ยให้ครูที่ไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว
และข้อ 5.หลักฐานที่ใช้เพื่อเบิกงบประมาณของรัฐ พบว่า มีสถานประกอบการห้างร้านที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิดในฐานะผู้ให้การสนับสนุนอีกหลายแห่ง จึงทำการตรวจสอบ พบหลักฐานการเขียนใบเสร็จเกินจริง โดยร้านเจ๊ะฆูฟาฏอนี พบหลักฐานใบเสร็จ และเอกสารสั่งให้ดำเนินการออกใบเสร็จให้แก่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แนบอยู่กับใบเสร็จดังกล่าวด้วยว่าให้ซื้อสินค้ามูลค่า 720,258.52 บาท ยอดเขียนใบเสร็จ 1,772,495 บาท ส่วนต่าง 1,052,236.48 ค่าบิล 84,158.90 บาท แสดงให้เห็นว่ามีการร่วมกันกระทำการปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบิกงบประมาณจากรัฐ และเมื่อทำการตรวจสอบไปยังโรงเรียนดังกล่าวก็พบหลักฐานที่ตรงกันกับที่ร้านเจ๊ะฆูฟาฏอนี ออกให้จริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และสอบปากคำไว้แล้ว
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าโรงเรียนบากงพิทยา ยังได้มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยจากการตรวจค้นพบว่า โรงเรียนบากงพิทยา ได้จ่ายเงินรายเดือนให้แก่ นายซาการียา หัดสมัด ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และเป็นผู้ก่อเหตุร้ายหลายคดี ประกอบด้วย การก่อเหตุเผาหัวจ่ายน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยางเ มื่อ 2 ก.พ.59 ก่อเหตุกราดยิงบ้านเรือราษฎรที่ริมถนนหมายเลข 43 แยกดอนยาง อ.หนองจิก เป็นเหตุให้ราษฎรบาดเจ็บ 8 ราย เมื่อ 15 ก.ค.59 และก่อเหตุระเบิด/เผาสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยาง เมื่อ 2 พ.ย.59 โดยถูกจับกุมเมื่อ พ.ย.60 ปัจจุบัน ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ อยู่ระหว่างดำเนินคดี ปรากฏหลักฐานว่าโรงเรียนได้จ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้แก่ นายซาการียา หัดสมัด ตั้งแต่ ปี 54 เรื่อยมาทุกเดือนจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ พบพฤติกรรมอำพรางในการสนับสนุนเงินผ่านบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นเครือญาติของ นายเมาลานา สาเมาะ แกนนำสั่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ และนายอับดุลสะตอปา สุหลง แกนนำสั่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สำหรับ นายเมาลานา สาเมาะ เป็นบุคคลที่ถูกสำนักงาน ปปง.ขึ้นบัญชีประกาศรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายอีกด้วย และน่าเชื่อว่ามีการให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงรายอื่นๆ อีกหลายคน โดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านผู้ที่ถูกแอบอ้างเป็นบุคลากรทางการศึกษา
บางคนในโรงเรียนหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบเฉพาะพื้นที่จังหวัดปัตตานี พบหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีโรงเรียนบางแห่งที่มีพฤติกรรมทุจริตงบประมาณของรัฐ เป็นมูลค่าความเสียหายของรัฐประมาณปีละไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท ทำให้เยาวชนที่อยู่ในวัยการศึกษาตามระบบการศึกษาภาคบังคับเสียโอกาสทางการศึกษา หรือเสียประโยชน์อันพึงได้ประมาณปีละ 101,000 คน จากนักเรียนทั้งหมด 165,072 คน มีครูที่ได้รับการการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐเป็นค่าตอบแทนรายเดือน เสียประโยชน์อันพึงได้ประมาณ 4,000 คน
ทั้งนี้ ประมาณการจากหลักฐานที่ปรากฏ และการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง พบว่า งบประมาณของรัฐได้ถูกใช้จริงเพียงร้อยละ 40 มีการทุจริตประมาณร้อยละ 60 จากเงินอุดหนุนการศึกษาของจังหวัดปัตตานี ปีละประมาณ 1,260 ล้านบาท ถูกเบียดบังไปเพื่อประโยชน์โดยทุจริตประมาณ ปีละ 760 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งน่าเชื่อว่าอำพรางด้วยรายชื่อของบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีคุณวุฒิด้านใด และมีความเหมาะสมอย่างไร ทั้งนี้ พบว่าโรงเรียนบางแห่งมีพฤติกรรมให้การสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงอีกด้วย
ต่อข้อถามเกี่ยวกับโรงเรียนในพื้นที่ขณะนี้มีกี่โรงนั้น พล.ต.จตุพร ระบุว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่า โรงเรียนที่เหมือนลักษณะเดียวกัน และเป็นแหล่งบ่มเพาะมีจำนวน 6 แห่งที่เข้าข่ายทุจริต และเกี่ยวข้องต่อเหตุรุนแรง ทางกองทัพจะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมให้ชัดเจน ทาง ฉก.ปัตตานี ขอความร่วมมือบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกแอบอ้างชื่อเพื่อเป็นเส้นทางสนับสนุนความรุนแรง และถูกลิดรอนสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับขอให้แจ้งมาทางเจ้าหน้าที่ หรือตนโดยตรง ตนจะเร่งเข้าช่วยเหลือโดยทันที ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยร่วมมือกับ ฉก.ปัตตานี