xs
xsm
sm
md
lg

ประหารหรือไม่ ศาลชี้ชะตาพรุ่งนี้ “บังฟัต” มัจจุราชฆ่ายกครัว “ผู้ใหญ่บัติ” 8 ศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กระบี่ - ศาลชั้นต้นนัดชี้ชะตาประหารหรือไม่ พรุ่งนี้ “บังฟัต” พร้อมพวก หลังถูกดำเนินคดีสะเทือนขวัญ สังหารหมู่ 8 ศพ ครอบครัว “ผู้ใหญ่บัติ” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ บาดเจ็บ 3 คน

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค.2561 กลุ่มคนร้ายเป็นชาย 6-7 คน แต่งกายชุดลายพรางคล้ายทหารพร้อมอาวุธครบมือ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่มาขอตรวจค้นบ้านเลขที่ 14/3 ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งเป็นบ้านของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ก่อนจับคนในบ้าน 11 คน คุมตัวใส่กุญแจมือ และปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนจ่อยิงอย่างโหดเหี้ยม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีโดยใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน รถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน พร้อมทั้งนำรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กค 533 กระบี่ ของเจ้าของบ้านไปด้วย

คดีนี้เป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่คนทั้งประเทศ แม้แต่สื่อในต่างชาติยังให้ความสำคัญ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ฆ่าหมู่แบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ และคนที่เสียชีวิตเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาบัญชาการคลี่คลายคดีด้วยตนเอง พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในพื้นที่ และจากส่วนกลางได้ระดมทีมงานสืบสวนสอบสวนกันหามรุ่งหามค่ำ จนกระทั่งทราบตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุในครั้ง รวมทั้งประเด็นที่เป็นชนวนเหตุให้คนร้ายก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม พร้อมลั่นวาจาว่า คดีนี้จะต้องประหารเท่านั้น

กระทั่งวันที่ 16 ก.ค.60 เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้จับกุมหัวหนัาแก๊งที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล เลขที่ 176 ม.7 ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังง กับพวกรวม 8 ราย ประกอบด้วย 2.นายประจักษ์ บุญทอย 3.นายธนชัย จำนอง 4.นายอรุณ ทองคำ 5.นายธวัฒชัย บุญคง 6.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ 7.นายคมสรรค์ เวียนนนท์ และ 8.น.ส.ชลิดา สังขโชติ ภรรยาน้อยของบังฟัต โดยจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา

หลังจากนั้น ได้คุมตัวไปสอบสวน “บังฟัต” ยมทูต ที่นำไปสู่ความตายจากการสังหารโหดยกครัวในครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นผู้ลั่นไกสังหารโหดสมาชิกในครอบครัว “ผู้ใหญ่บัติ” ทั้งหมด 11 คน แต่เพียงผู้เดียว เพราะเกิดจากความแค้นที่ถูก “ผู้ใหญ่บัติ” ข่มขู่เอาชีวิตทั้งครอบครัว และมีการท้าทายกันไปมา “ไม่คืนโฉนดที่ดินให้ มีแต่ลูกปืนแทน” คือคำพูดของ “บังฟัต” ที่ก่อเป็นชนวนเหตุปมแค้นให้แก่ “ผู้ใหญ่บัติ” ถึงขั้นต้องขู่ฆ่ายกครัว “บังฟัต”

โดยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ “ผู้ใหญ่บัติ” และครอบครัวจะถูก “บังฟัต” ฆ่าโหดยกครัว “ผู้ใหญ่บัติ” ได้นำโฉนดที่ดินของพ่อตา และญาติ รวมทั้งของชาวบ้านไปจำนองกับ “บังฟัต” ซึ่งทำธุรกิจรับจำนำรถยนต์และจำนองที่ดิน จากนั้นมีจดหมายจากธนาคารว่า ที่ดินทั้งหมดกำลังจะถูกธนาคารยึด ทาง “ผู้ใหญ่บัติ” จึงรวบรวมเงินเพื่อนำไปไถ่ถอนคืนกับ “บังฟัต” แต่เมื่อ “บังฟัต” ได้รับเงินแล้วกลับไม่ยอมคืนที่ดินให้ เพราะเอาที่ดินไปจำนองกับธนาคารแล้ว ทาง “ผู้ใหญ่บัติ” จึงเดินเรื่องฟ้องร้อง พร้อมทั้งมีการขู่ฆ่าถึงขั้นเอาชีวิตยกครัวกันทั้งสองฝ่าย

จากชนวนเหตุปมแค้นครั้งนี้ “บังฟัต” ได้วางแผนลอบสังหาร “ผู้ใหญ่บัติ” มาถึง 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 10 กรกฎาคม 60 เวลาประมาณ 16.00 น. “บังฟัต” พร้อมลูกน้อง 6 คน ได้บุกเข้าบ้าน “ผู้ใหญ่บัติ” โดยวางแผนการมาเป็นอย่างดี บอกว่าจะมาทวงหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท และให้ค่าจ้างคนละ 1 พันบาท โดยก่อนก่อเหตุให้ทุกคนเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบลายพรางเพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเดินทางผ่านด่านตรวจ

นอกจากนี้ ยังให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่าผู้พัน ขณะที่ลูกน้องที่ก่อเหตุก็เรียกกันว่า จ่า และผู้กอง เบื้องต้น “บังฟัต” ตั้งใจจะฆ่าแค่ “ผู้ใหญ่บัติ” กับเมียเท่านั้น เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคู่ขัดแย้งที่เคยอาฆาตกันมาก่อน ขณะที่เมีย มีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดเจ้าปัญหา จึงสวมหมวกไอ้โม่งคลุมหน้าตาเพื่อป้องกันไม่ให้คนในบ้านจำหน้าได้ เพราะจริงๆ แล้ว ทั้ง”บังฟัต” และ ผู้ใหญ่ก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

แต่แล้วก็เกิดผิดแผน เนื่องจากเข้ามาแล้วไม่พบ “ผู้ใหญ่บัติ” ไม่อยู่บ้าน จึงรออยู่เป็นเวลานาน คนในบ้านพยานจำหน้าลูกน้องได้หมดแล้ว และเมื่อ “ผู้ใหญ่บัติ” มาถึงก็ให้ลูกน้องล็อกตัวเอาไปพูดคุย ขณะนั้น “ผู้ใหญ่บัติ” ได้เอ่ยชื่อ “โทริ” ซึ่งเป็นฉายาของ “บังฟัต” สมัยเป็นนักมวยใช้ชื่อ โทริจรวดเล็ก ศักดิ์พรน้อย ทำให้ “บังฟัต” ถอดหมวกไอ้โม่งออก เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่จำเสียงตนได้ แล้วจึงตัดสินใจฆ่าปิดปากทั้งหมด

พร้อมวางแผนสร้างเรื่องว่า “ผู้ใหญ่บัติ” เดือดร้อนเรื่องเงิน และเกิดอาการเครียดใช้ปืนยิงตัวเอง และครอบครัวเสียชีวิตทั้งหมดโดยใช้ปืน .38 ของผู้ใหญ่ลั่นไกทีละคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง หรือเด็ก โดยช่วงนั้นให้ลูกน้องเอาผู้ใหญ่ไปขังไว้ในรถ พร้อมให้เซ็นใบโอนรถยาริส และ ให้โทรศัพท์ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนเข้าบัญชี 5 แสนบาท เพื่ออำพรางว่า เครียดเรื่องปัญหาหนี้สินพร้อมคุมตัว “ผู้ใหญ่บัติ” เข้เมาในบ้าน เมื่อผู้ใหญ่เห็นคนในบ้านถูกยิงหมด ก็คลุ้มคลั่งอาละวาดยื้อยุดอยู่กับ “บังฟัต” ทำให้ปืนหล่น ขณะนั้น นายอรุณ หรือบังกี หนึ่งในลูกน้องก็ใช้ปืนยิงใส่ผู้ใหญ่จนเสียชีวิต

จึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไม “ผู้ใหญ่บัติ” ที่ถูกจัดฉากว่าฆ่าตัวตายหลังยิงคนในครอบครัว ถึงมีหัวกระสุนในร่างกายถึง 4 นัด จากหลักฐานในที่เกิดเหตุจะเห็นว่าคนร้ายได้นำรถยนต์เก๋งไปด้วย รวมทั้งนำเมมโมรีการ์ดจากกล้องวงจรปิดไปด้วยเพื่อทำลายหลักฐาน นั่นเป็นข้อสงสัยที่ทำให้คดีนี้กระจ่างขึ้นได้ว่า การตายที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้มาจากการฆ่าตัวตาย และสมาชิกในครอบครัวที่เกิดจากความเครียด แต่มันเกิดจากการฆาตกรรม ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามในการสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่คนให้ความสนใจ เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น รวมทั้งคนร้ายที่ก่อเหตุก็ก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และบาปกรรม เป็นการสร้างบาดแผลในใจให้แก่คนที่รอดชีวิต และญาติของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก ต่างก็เรียกร้องให้มีการประสารชีวิตผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้เพื่อให้ตายตกไปตามๆ กัน แม้แต่กระทั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเองที่เคยเอ่ยปากว่า คดีนี้จะต้องประหารชีวิตเท่านั้น เพราะเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมแม้แต่เด็กก็ไม่เว้น

ในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) เป็นวันที่ทุกคนกำลังรอคอย เป็นวันชี้ชะตา “บังฟัต” หรือนายซูริก์ฟัต พร้อมพวกแล้ว เมื่อศาลจังหวัดกระบี่ จะพิจารณาตัดสินคดี นายซูริก์ฟัต และพวก ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันปล้นทรัพย์ ซ่องโจร และข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งความผิดสูงสุดมีโทษถึงประหารชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น