MGR Online - ชุดสืบสวน สน.พญาไท แถลงจับกุมหนุ่มต่างวัย รุมทำร้ายโชเฟอร์แท็กซี่ถึงตายที่ริมฟุตปาธย่านราชเทวี เหตุทวงพระเครื่อง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพรู้จักกับผู้ตายมานาน แค่จะสั่งสอน
วันนี้ (20 มี.ค.) เวลา 11.00 น. ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว นายสัมพันธ์ อึ่งทอง อายุ 52 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 502/2561 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2561 และนายศิขร หรือต้อง ถาวรประเสริฐ อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 503/2561 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2561 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
พล.ต.ต.เสนิตกล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีนายพันธุ์ชัย ศรีพสุทวี อายุ 51 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตที่ริมฟุตปาธบริเวณปากซอยเภตรารัตน์ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ท้องที่ สน.พญาไท คาดว่าปมขัดแย้งน่าจะมาจากเรื่องพระเครื่อง โดยสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้เกิดจากนายสัมพันธ์ต้องการทวงพระเครื่องจากผู้ตายซึ่งเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี กระทั่งเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน ผู้ตายได้นำพระเครื่องที่นายสัมพันธ์ฝากไว้ แต่กลับขโมยแล้วมาขายคืนให้นายสัมพันธ์ทำให้นายสัมพันธ์เสียใจที่เพื่อนทำแบบนี้ จึงนัดให้มาเจอหน้ากันที่จุดเกิดเหตุ โดยให้นายศิขร ลูกน้องขี่จักรยานยนต์พามา เมื่อพบหน้าผู้ตายนายสัมพันธ์ได้ลงมือทำร้ายร่างกายผู้ตายทันที ก่อนพาขึ้นจักรยานยนต์ไปรุมซ้อมผู้ตายต่อในที่ลับตาจนผู้ตายสลบ จึงพานั่งกลับมาที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยคิดแผนอำพรางด้วยการพาร่างผู้ตายเข้าไปนั่งในแท็กซี่ ทำให้ดูเหมือนว่าผู้ตายเมาสุราแล้วถูกทำร้าย แต่รถเปิดประตูไม่ได้จึงวางร่างผู้ตายไว้ที่จุดเกิดเหตุอย่างอนาถแล้วหลบหนีไป หลังเกิดเหตุตำรวจลงพื้นที่สืบหาพยานหลักฐานจนทราบว่าใครคือผู้ก่อเหตุและสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้
พล.ต.ต.เสนิตกล่าวอีกว่า สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยนายสัมพันธ์กล่าวว่า ตนทำงานรับจ้างและรู้จักกับผู้ตายมานาน ไม่คิดว่าจะถูกทำแบบนี้ คิดจะสั่งสอน ไม่ต้องการซ้อมถึงตาย เพราะรู้ว่าผู้ตายเป็นโรคหอบ ด้านนายศิขรเป็นลูกน้อง และหลังซ้อมผู้ตายเสร็จก็คิดจะพาผู้ตายไปโรงพยาบาล แต่นายสัมพันธ์บอกจะพาไปส่งเอง โดยทั้งสองก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายสัมพันธ์มีประวัติถูกครอบครองยาเสพติด และเสพยาเสพติดเมื่อปี 59 ท้องที่ สน.ปทุมวัน และพกพาอาวุธปืน ปี 55 ท้องที่ สน.มักกะสัน ส่วนนายศิขรมีคดีเสพยาเสพติดที่ 56 ท้องที่ สน.พญาไททั้ง 2 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังแถลงผลการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหาทั้งสองไปชี้จุดเกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนที่มามุงดู โดยมีญาติผู้ตายพยายามแหวกเข้ามาทำร้ายนายสัมพันธ์ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอ แต่ตำรวจสกัดและผลักดันกลับไปได้ก่อน ใช้เวลาทำแผนชี้จุดประมาณ 30 นาทีจึงเสร็จสิ้น