ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “สัก ผาสุก” ผู้ต้องหาคดีขับรถไล่ยิงกันกลางเมืองหาดใหญ่ ระหว่างนักเลงขาใหญ่ 2 แก๊ง เข้ามอบตัวต่อตำรวจแล้ว พร้อมระบุไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ขณะที่สมาชิกของทีม “อ้วน เซียงตึ้ง” เข้ามอบตัวเพิ่มอีก 1 คน
ความคืบหน้าเหตุกลุ่มนักเลงขาใหญ่ 2 แก๊ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขับรถเก๋ง 3 คัน ไล่ยิงถล่มกันกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อคืนวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีผู้ต้องหาคนสำคัญเข้ามอบตัวอีก 2 คน คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิระไชย อายุ 35 ปี หรือ “สัก ผาสุก” หัวหน้าแก๊ง และนายเอกรัฐ นพรัตน์ หรือท๊อป อายุ 24 ปี ซึ่งอยู่แก๊งของ “อ้วน เซียงตึ้ง” แต่จากการสอบสวนทั้ง 2 คน ยังคงให้การปฏิเสธ
โดยเฉพาะ นายเกรียงศักดิ์ หรือ “สัก ผาสุก” ทางผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสัมภาษณ์สดๆ ก่อนที่จะเข้ามอบตัว โดยบอกว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุยิงกัน เพราะในคืนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อน และมีพยานชัดเจน ตนมาทราบเรื่องในตอนเช้า และไม่ได้อยู่ในรถเก๋งมาสด้า 3 หนึ่งในรถที่ไล่ยิงกัน เพราะคนขับ และคนยิง คือ นายรัชพล หรือปอน รัตน์ชัย ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่สนิทกัน และได้เข้ามอบตัวไปแล้ว โดยยอมรับสารภาพว่า เป็นคนยิง รวมทั้งรถคันนี้ก็ไม่ใช่รถของตน ส่วนที่ระบุว่า ตนค้ายาเสพติดก็ไม่เป็นความจริง เพราะแม้จะเพิ่งพ้นโทษ แต่ก็เป็นคดีอื่นไม่เกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนความขัดแย้งกับ นายสุเชษฐ์ สุวรรณวงค์ หรือ “อ้วน เซียงตึ้ง” นั้น มาจากเรื่องผู้หญิงที่อดีตแฟนเก่าของ “อ้วน เซียงตึ้ง” มาอยู่กินกับตน เพราะฝ่ายหญิงบอกว่าเลิกรากับ “อ้วน เซียงตึ้ง” แล้ว จนเป็นเหตุให้บาดหมางใจกัน และท้ายิงกันขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมา
สำหรับคดีนี้ในทางสืบสวนมีผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ และถูกออกหมายจับแล้วทั้ง 2 แก๊ง รวม 6 คน สามารถจับกุม และเข้ามอบตัวแล้ว 5 คน ประกอบด้วย แก๊ง “อ้วน เซียงตึ้ง” จำนวน 3 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ได้หมดแล้ว คือ นายสุเชษฐ์ สุวรรณวงศ์ อายุ 32 ปี หรือ “อ้วน เซียงตึ้ง” นายธนภณ ไชยสาร 35 ปี หรือวี และนายเอกรัฐ นพรัตน์ หรือท๊อป อายุ 24 ปี
ส่วนแก๊งของ “สัก ผาสุก” มี 3 คน คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิระไชย อายุ 35 ปี หรือ “สัก ผาสุก” หัวหน้าแก๊ง นายรัชพล รัตน์ชัย อายุ 21 ปี และอีกคนชื่อตุ๊ อยู่ในระหว่างการไล่ล่าจับกุม
โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร