ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สลด! นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ อ.ถลาง ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ปลิดชีพตัวเองคาศาลาภายในโรงเรียน คาดน้อยใจเพื่อนสาวที่บอกเลิกคบ และมีปัญหาเรื่องเรียน
เมื่อเวลา 18.25 น. วันนี้ (17 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะตัวเองเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ศาลาภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง (หน้าอาคาร 2) ม.5 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.โสภณัฐ นายาว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ถลาง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจสภ.ถลาง พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง ร.ต.อ.สมบูรณ์ ยิ่งยงค์ รอง สว.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจุดเมืองใหม่
ที่เกิดเหตุภายในโรงเรียนที่ศาลาหน้าอาคารดังกล่าว พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายรัฐภูมิ คำภาสี อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนที่เกิดเหตุ สภาพศพนุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อนักเรียนสีขาว สวมรองเท้าแตะ สภาพนอนพับบนม้านั่งภายในศาลา ศีรษะด้านขวามีบาดแผลรอยกระสุนปืนเข้าเหนือคิ้วขวา และกระสุนออกศีรษะข้างซ้ายเหนือหูซ้าย มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
และพบอาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก ตกอยู่ที่ด้านขวามือศพ ภายในบรรจุกระสุน จำนวน 5 นัด ถูกยิงไปแล้ว 1 นัด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดครั้ง
จากการสอบสวนทราบ ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตมีปัญหาเรื่องความรักกับเพื่อนสาว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาเพื่อนสาวได้บอกเลิกคบผู้ตาย และผู้ตายพยายามง้อขอคืนดี
โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้นั่งคุยปรับความเข้าใจกับเพื่อนสาวอีกครั้ง แต่คาดว่าไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ เมื่อเพื่อนสาวเดินออกจากศาลา ผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงศีรษะตนเองเสียชีวิต ทำให้เพื่อนสาวตกใจได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะเอาปืนพกติดตัวมาจากบ้านพัก ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายที่แท้จริงทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนต่อไป ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะมีความเครียดเรื่องปัญหาความรัก และเรื่องเรียน จึงตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
เมื่อเวลา 18.25 น. วันนี้ (17 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะตัวเองเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ศาลาภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง (หน้าอาคาร 2) ม.5 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.โสภณัฐ นายาว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ถลาง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจสภ.ถลาง พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง ร.ต.อ.สมบูรณ์ ยิ่งยงค์ รอง สว.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจุดเมืองใหม่
ที่เกิดเหตุภายในโรงเรียนที่ศาลาหน้าอาคารดังกล่าว พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายรัฐภูมิ คำภาสี อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนที่เกิดเหตุ สภาพศพนุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อนักเรียนสีขาว สวมรองเท้าแตะ สภาพนอนพับบนม้านั่งภายในศาลา ศีรษะด้านขวามีบาดแผลรอยกระสุนปืนเข้าเหนือคิ้วขวา และกระสุนออกศีรษะข้างซ้ายเหนือหูซ้าย มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
และพบอาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก ตกอยู่ที่ด้านขวามือศพ ภายในบรรจุกระสุน จำนวน 5 นัด ถูกยิงไปแล้ว 1 นัด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดครั้ง
จากการสอบสวนทราบ ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตมีปัญหาเรื่องความรักกับเพื่อนสาว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาเพื่อนสาวได้บอกเลิกคบผู้ตาย และผู้ตายพยายามง้อขอคืนดี
โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้นั่งคุยปรับความเข้าใจกับเพื่อนสาวอีกครั้ง แต่คาดว่าไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ เมื่อเพื่อนสาวเดินออกจากศาลา ผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงศีรษะตนเองเสียชีวิต ทำให้เพื่อนสาวตกใจได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะเอาปืนพกติดตัวมาจากบ้านพัก ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายที่แท้จริงทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนต่อไป ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะมีความเครียดเรื่องปัญหาความรัก และเรื่องเรียน จึงตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง