ปัตตานี - อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่มีอายุ 132 ปี ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทยที่ปัตตานี พร้อมมอบของขวัญ และโล่ให้แก่ครอบครัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย
วันนี้ (17 ม.ค.) น.ส.ธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ ได้ลงพื้นที่ ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อนเยี่ยมบ้านของ นางแวบีเดาะ อาเยาะหะยี อายุ 132 ปี ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประเทศไทย และที่ 2 ของโลก รองจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีอายุ 149 ปี โดยอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้มอบประกาศเกียรติคุณ และชุดของขวัญผู้สูงอายุ 100 ปีขึ้นไป พร้อมโล่ให้แก่ครอบครัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
การลงพื้นที่เยี่ยมมอบของขวัญให้แก่ผู้สูงอายุ 100 ปีขึ้นไป เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ดูแล เพื่อแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญผู้สูงอายุในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน มีจำนวน 10.8 ล้านคน ได้มีการลงทะเบียนแล้ว จำนวน 8.7 ล้านคน และคาดว่าในปี 2564 จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
สำหรับภารกิจในภาคบ่าย จะไปเยี่ยมครอบครัว นายห่วง เพ็ชรล้าน อายุ 108 ปี บ้านเลขที่ 259/30 ม.9 ต.สะเดงนอก และนายดาโอ๊ะ วิชา อายุ 109 ปี บ้านเลขที่ 5/2 ม.11 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา
นางแวบีเดาะ อาเยาะหะยี ยังมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว เคลื่อนไหวได้ ระบบความจำ และการได้ยินยังปกติ ส่วนการมองเห็นยังใช้ได้แต่เห็นภาพไม่ชัดเจน ชีวิตครอบครัวมีพี่น้อง 2 คน คนพี่ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 100 กว่าปีเช่นกัน มีลูก 7 คน ยังมีชีวิตอยู่ 2 คน โดยลูกคนเล็กอายุ 66 ปี สามีเสียชีวิตแล้วเมื่อลูกคนเล็กอายุ 14 เดือน ทำให้นางแวบีเดาะ ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวดูแลลูกตามลำพัง ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประกอบอาชีพทำนา ปลูกพืชผักสวนครัว และเป็นครูสอนอัลกุรอาน มีลูกศิษย์หลายรุ่น จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของคนในชุมชน ปัจจุบัน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 33 ม.5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยมีลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแล และลูกหลานรวม 28 คน
นางฮาซือเมาะ อาเยาะหะยี ลูกสาวคนเล็กอายุ 66 ปี บอกว่า รู้สึกภูมิใจที่แม่ยังมีสุขภาพแข็งแรง มีหลายหน่วยงานเข้ามาดูแล ส่วนรายได้มีเงินสวัสดิการผู้สูงอายุ ประมาณ 1,000 บาท แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับค่าเลี้ยงดู ครอบครัวเราไม่ได้มีฐานะมาก ถือว่ายากจน อาศัยว่าลูกหลานช่วยกันดูแล จึงอยากให้หน่วยงานรัฐเพิ่มสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุให้มากกว่านี้