xs
xsm
sm
md
lg

น่าห่วง! ถนนริมพนังกั้นแม่น้ำตรังถูกกัดเซาะเพิ่มหลายจุด ระดมเทหินถมแก้ปัญหาชั่วคราว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - ถนนริมพนังกั้นแม่ตรังถูกน้ำกัดเซาะเพิ่มอีกหลายจุดในพื้นที่ ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง ต้องระดมเทหินถมแก้ปัญหาชั่วคราว ส่วนหลายอำเภอก็กลับมาท่วมซ้ำสอง หลังเกิดฝนตกหนักอีกรอบ

วันนี้ (30 พ.ย.) นายณัฐพงษ์ เนียมสม นายกเทศมนตรีตำบลนาตาล่วง อ.เมืองตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้ลงไปสำรวจพนังกั้นแม่น้ำตรัง บริเวณหลังวัดไพรสณฑ์ ม.4 บ้านป่าหมาก หลังเกิดสถานการณ์น้ำท่วมมาตลอดระยะเวลา 4 วัน และตอนนี้ถือว่าวิกฤตแล้ว หลังจากน้ำในแม่น้ำตรัง ได้เอ่อล้นถนนริมพนังกั้นน้ำ ที่มีความยาวประมาณ 200 เมตร ในหลายจุด ทางเทศบาลต้องร่วมมือกับฝ่ายปกครองแก้ปัญหาเป็นการเบื้องต้น ด้วยการนำก้อนหินมาเทถมปิดกั้นทางน้ำที่กัดเซาะอย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้ถนนริมพนังกั้นน้ำเกิดรอยร้าวกว้างมากกว่านี้ แต่กระแสน้ำก็ยังไหลมาเร็ว และเชี่ยวอย่างมาก ประกอบกับมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
 

 
นายกเทศมนตรีตำบลนาตาล่วง กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมตอนนี้ ในเขตเทศบาล ต.นาตาล่วง ได้สั่งอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน และข้าวของเครื่องใช้ออกไปก่อนหน้าแล้ว ตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ให้ไปรวมตัวกันที่ศูนย์อพยพ ม.4 บ้านหนองบัว แต่บางส่วนก็ได้กางเต็นท์นอนอยู่ตามถนนริมพนังกั้นน้ำ และพื้นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึง ส่วนปีนี้คาดการณ์ความรุนแรงว่าอาจจะหนักกว่าปี 2559 แต่ก็จะต้องฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ เพราะพวกตนได้ร่วมต่อสู้น้ำท่วมกันมา 18 ปีเต็มแล้ว จวบจนวันนี้ก็ยังเป็นปัญหาเรื้อรังแก้ไม่ได้ สงสารแต่ชาวบ้านที่คงต้องทนแบกรับชะตากรรมต่อไป เพราะสิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือต่างๆ จากหน่วยเหนือเป็นเพียงการเยียวยาเท่านั้น

นอกจากนั้น ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักอีกรอบยังทำให้หลายพื้นที่ของ จ.ตรัง เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำสอง อย่างเช่น ใน อ.รัษฎา น้ำในแม่น้ำตรัง ได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร ประมาณ 50 ครัวเรือน ส่งผลให้ถนนห้วยยอด (สายใน) ช่วงตลาดลุงชม ต.คลองปาง มีระดับน้ำท่วมสูง 30-50 ซม. รวมทั้งใน อ.นาโยง ก็มีน้ำท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร ประมาณ 100 ครัวเรือน รวมทั้งถนนเพชรเกษม ช่วงหน้าร้านเค้กกนิษฐา ต.ละมอ สูง 30-50 ซม. ทำให้รถเล็กทุกชนิดต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน ขณะที่ อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัด ประมาณ 200 ครัวเรือนแล้ว
 



กำลังโหลดความคิดเห็น