ปัตตานี - ปัตตานีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัว และอยู่ในโซนที่ปลอดภัย โชคดีไม่มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุน้ำป่าจากบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังจากที่เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ 3 วัน ทำให้น้ำในอ่างบนเทือกบนอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเต็ม และไม่สามารถกักเก็บน้ำที่มีจำนวนมากไว้ไม่อยู่ ประกอบกับต้นไม้ถึงแม้ว่ามีจำนวนมากก็ยังไม่สามารถดูดซึมน้ำไว้ได้
จนทำให้มวลน้ำจำนวนมากบนเทือกเขาไหลทะลัก จนเป็นน้ำป่าไหลหลากลงมาสู่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นบริเวณแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว อย่างรุนแรง และยังทะลักล้นออกพ้นจากตลิ่ง ความเร็วของน้ำที่มีจำนวนมากนี้ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานตกใจ และประกาศให้ประชาชนที่อยู่โดยรอบ หรือบริเวณใกล้ทางน้ำตกให้ระมัดระวังตัว พร้อมประกาศให้ประชาชนที่จะมาท่องเที่ยวในช่วงนี้ให้อยู่แต่ในจุดปลอดภัยตามที่เจ้าหน้าที่บอกไว้
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ สถานการณ์เช่นนี้ไม่พบบ่อยนัก ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ 10 ปี ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้ ซึ่งถือว่ามีความโชคดีที่ช่วงเกิดเหตุไม่มีประชาชนลงเล่นน้ำ ช่วงที่มีน้ำหลากลงมาได้ยินเสียงกระแสน้ำชัดเจน เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงออกมาพร้อมประกาศให้ประชาชนออกจากบริเวณทางน้ำ พร้อมกับกระจายไปตามจุดต่างๆ เพื่อระวังป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จนกระทั่งเวลา 11.00 น. มวลน้ำป่าได้ลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังไม่นิ่งนอนใจ ทางอุทยานยังคงติดประกาศให้ประชาชนระมัดระวัง และห้ามเข้าไปยังจุดอันตรายที่มีการประกาศไว้
ขณะที่สภาพอากาศในพื้นที่ จ.ปัตตานี จนถึงขณะนี้ฝนยังคงตกหนักทุกพื้นที่ใน 12 อำเภอ ซึ่งตลอด 3 วัน หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ทั้งพื้นที่ลุ่ม และบนถนน เนื่องจากน้ำระบายไม่ทัน เช่น ถนนในเขต อ.เมืองปัตตานี หลายสายมีน้ำท่วมขัง และสูง ถนนในเขตตลาดเทศบาลนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ ทั้ง 2 เลนถูกน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางกว่า 5 กม. ทำให้รถเล็กไม่สามมารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากน้ำระบายไม่ทัน ขณะที่ ม.3 บ้านบาโงยือริง อ.สายบุรี ผลจากฝนตกหนักทำให้ดินชุ่มน้ำ และมีลมแรง ทำให้ต้นไม้ใหญ่ได้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนจนเสียหาย 1 หลัง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะไม่อยู่บ้าน
