ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เปิดใจร้อยตำรวจโทมือปราบยาเสพติด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารพื้นบ้านชื่อดัง “ร้านข้าวดังหอมดิน” และที่พักสไตล์ศิลปะบ้านดิน “บ้านหอมดิน หาดใหญ่” เผยเป็นบุญมหาศาลที่ได้เกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของรัชกาลที่ ๙ ตามหลักคิดรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเท่ากับรักษาอนาคตของลูกหลาน โชคชะตานำพาให้ได้บ้านเลขที่ ๙๙/๙ จึงเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งในบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้การทำบ้านดิน ถวายเป็นพระราชกุศล สักรูปเลข ๙ ไว้บนหน้าอกด้านซ้าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ระลึกถึงพระองค์ตลอดไป
วันนี้ (24 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พสกนิกรในพื้นที่ภาคใต้ต่างกำลังใจจดใจจ่อ และตระเตรียมการให้มีความพร้อมทุกด้านในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางเข้าร่วมพิธีที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก
ขณะที่พสกนิกรต่างยังคงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ หลายคนได้ยึดถือพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เป็นหลักยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข และมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่องค์ความรู้ต่อสาธารณชน
เช่น พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เรื่องการรักษาทรัพยากร ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2521 ดังความตอนหนึ่งว่า
“...ธรรมชาติแวดล้อมของเรา ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ป่าไม้ แม่น้ำ ทะเล และอากาศ มิได้เป็นเพียงสิ่ง สวยๆ งามๆ เท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเรา และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเราไว้ให้ดีนี้ ก็เท่ากับเป็นการปกปักรักษาอนาคตไว้ให้ลูกหลานของเราด้วย...”
ซึ่ง ร.ต.ท.นิรัตน์ พุทธาโร หรือ “รัตน์ หอมดิน” เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้ประกอบการร้านอาหารพื้นบ้าน เลขที่ ๙๙/๙ ร้าน “ข้าวดัง หอมดิน” และ “บ้านหอมดินหาดใหญ่” ที่พักแบบศิลปะบ้านดินประยุกต์ ตั้งอยู่ที่บ้านท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้หนึ่งที่อยากประกาศให้สังคมได้รับทราบว่า ประชาชนคนไทยนั้นโชคดีมากที่ได้เกิดในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงมีความห่วงใยต่อปวงชนชาวไทยทุกคนเสมอมา
“โดยส่วนตัวผมรู้สึกผูกพันต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นอย่างมาก ในฐานะแบบอย่างที่ดีในหลายๆ ด้านของพระองค์ และคิดว่าคนไทยทุกคนก็คงจะรู้สึกแบบนี้ ทุกคนจึงมีความผูกพันกับสัญลักษณ์เลข ๙ ซึ่งนับว่าเป็นเลขมหามงคล เพราะเป็นเลขแห่งพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในใจคนไทยทุกคน”
ร.ต.ท.นิรัตน์ กล่าวถึงที่มาของบ้านเลขที่ซึ่งได้เลขมหามงคลนี้มาอย่างคาดไม่ถึง แต่เชื่อว่าเป็นเพราะผลจากการยึดถือคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เป็นแบบบในการดำเนินชีวิตคิดดี ทำดี จึงทำให้ได้บ้านเลขที่ ๙๙/๙ ซึ่งเป็นเลขมหามงคลอย่างยิ่งสำหรับคนไทย
“ตอนนั้นผมสร้างบ้านหลังใหม่ ก่อนหน้านั้น ก็อาศัยอยู่บ้านเดียวกับแม่ที่บ้านเลขที่ 74 ซึ่งบ้านใหม่ที่ผมสร้างเสร็จเมื่อไปขอบ้านเลขที่ก็ควรจะได้บ้านเลขที่ต่อเนื่องมาจากบ้านของแม่ แต่ใจจริงของผมตอนนั้นผมสร้างบ้านที่มีรูปแบบพื้นบ้านภาคใต้ เป็นบ้านไม้ และในอาณาบริเวณบ้านมีร้านขายอาหารพื้นบ้านภาคใต้หุงข้าวด้วยหม้อดินใช้วัสดุธรรมชาติ ใช้ทุกอย่างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยึดถือตามแนวทางพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เท่ากับเป็นการรักษาอนาคตของลูกหลาน ผมทำแล้วรู้สึกมีความสุขเลยอยากให้บ้านหลังนี้ได้บ้านเลขที่ที่ผมเทิดทูนไว้เหนือหัว”
ร.ตท.นิรัตน์ กล่าวและว่า จากนั้นได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ ฝ่ายดูแลเรื่องบ้านเลขที่แจ้งว่า เลขที่ ๙๙/๙ ยังว่างอยู่ จึงได้ใช้บ้านเลขที่นี้นับแต่นั้นมา ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหาที่สุดมิได้ ทำให้มีกำลังใจในการประกอบกิจการ แม้ว่าบางช่วงจะประสบภาวะซบเซาตามเศรษฐกิจประเทศ แต่ก็ยังระคับประคองกิจการมาได้เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริในการดำเนินชีวิต และประกอบกิจการ
“ตอนที่เศรษฐกิจคึกคักตอนนั้นคิดว่าเราน่าจะสร้างที่พักไว้บริการสำหรับแขกที่มารับประทานอาหาร และต้องการจะพักผ่อน แต่คิดว่าทำอย่างไรให้สิ่งที่เราสร้างนั้นมีความเป็นธรรมชาติ เป็นมิตร และไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม จึงตัดสินใจสร้างเป็นบ้านดินโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด ประกอบด้วย บ้านดินรูปทรงต่างๆ จำนวน ๙ หลัง ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้”
ร.ต.ท.นิรัตน์ กล่าวว่า หลังสร้างบ้านดินเสร็จ และเปิดบริการเรียบร้อยแล้ว พบว่าการสร้างบ้านด้วยดินซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติใช้ต้นทุนไม่มาก และวัสดุทุกอย่างที่ใช้ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด จึงเล็งเห็นว่าเมื่อเรามีความรู้จากการได้ปฏิบัติจริงเช่นนี้แล้ว ควรนำสิ่งนี้บอกต่อแก่สาธารณชนเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป
“ตอนนี้ผมได้เปิดบ้านเป็นสถานที่เรียนรู้การสร้างบ้านดินถิ่นใต้ ด้วยวัสดุที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่น ขั้นตอน และวิธีการทำไม่สลับซับซ้อน เปิดให้นักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน และยังมีการจัดอบรมให้ความรู้แบบอบรมเชิงปฏิบัติการ การสร้างบ้านดิน ซึ่งมีเยาวชน และผู้ที่สนใจมารับการอบรมไปแล้วหลายรุ่น ผมอยากยึดถือแนวทางนี้มอบความรู้การสร้างบ้านด้วยดินอย่างง่ายๆ ให้แก่ผู้คนที่เขาอยากมีบ้านแต่อาจจะไม่มีทุนในการซื้อวัสดุสมัยใหม่ บ้านดินเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ยากจนเกินไปครับ”
ร.ต.ท.นิรัตน์ พุทธาโร ได้ถอดเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่พร้อมกับบอกว่า ความรู้สึกผูกพันกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั้นอัดแน่นอยู่ในหัวอก จนกระทั่งวันที่ประชาชนคนไทยทุกคนต้องโศกาอาดูรโดยทั่วกันทั้งแผ่นดิน
“ผมตัดสินใจให้น้องคนหนึ่งที่เป็นช่างสักแท็ททู สักรูปเลข ๙ ไว้ที่หัวใจของผม ผมอยากให้ความรู้สึกรัก เทิดทูน และบูชาที่ผมมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกในเวลาแห่งความโศกเศร้านั้นได้ออกมาปรากฏอยู่ภายนอก มองเห็น และสัมผัสได้ว่าพระองค์ท่านจะยังอยู่ในหัวใจของผม และคนไทยไปตราบนานเท่านานครับ”