สตูล - แกนนำกลุ่ม “สโตยดารุสลาม” เข้ามอบตัวต่อตำรวจสตูลแล้ว พร้อมแถลงทำไปด้วยความคะนอง ยันไม่ได้เมาน้ำต้มพืชใบกระท่อม ส่วนปืนที่ใช้นั้นก็เป็นของปลอม ตำรวจแค่ลงบันทึกประจำวัน และว่ากล่าวตักเตือน ก่อนปล่อยตัวไปในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ละงู พ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผกก.สภ.ละงู พ.ต.ท.เสกสิทธิ์ ปรากฏชื่อ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สตูล พ.ต.ท.พีรพงศ์ กาลรักษ์ สารวัตรสืบสวนสภ.ละงู พ.ต.ต.นุวัฒน์ ชัยเดช สารวัตรสอบสวน สภ.ละงู และกำลังรอรับการเดินทางมาของครอบครัว นายสิทธิชัย โสลิกี หรือก็อต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ม.6 บ้านปลักมาลัย ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล แกนนำผู้อยู่ใต้ผ้าคลุมไอ้โม่งชุดมุสลิมที่ทางการกำลังตามหาตัว
หลังจากแต่งตัวเลียนแบบกลุ่มโจรในต่างประเทศ และถ่ายคลิปแพร่ภาพสด จนเกิดปัญหาทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ และทหารของ จ.สตูล ต่างเร่งหาตัวแกนนำผู้กล่าวอ้างเป็นกลุ่มสโตยดารุสลามสตูล แถลงการณ์เพื่อจะขจัดกลุ่มคนที่ประพฤติตนผิดหลักศาสนา ซึ่งภายในภาพมีการพกอาวุธปืน และขวาน โดยได้มีการแพร่ภาพสดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น จนผู้คนที่รับชมต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้เร่งติดตามตัวเพื่อหาความจริงถึงการกระทำในครั้งนี้
ซึ่งหลังจากได้เข้ารายงานตัว นายก็อต ก็ได้กล่าวขอโทษพี่น้องประชาชนชาวสตูลอีกครั้ง ว่า ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้เสียไป ทำไปด้วยความคะนอง โดยขณะนั้นยังไม่ได้เสพน้ำต้มพืชกระท่อม แต่ทีมงานกำลังเตรียมต้มอยู่ยังไม่ได้เสพ เป็นการกระทำที่เกิดจากตนเองที่ต้องการสื่อสารกับวัยรุ่นที่มึนเมายาเสพติด และสวมชุดมุสลิมที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และต้องการตักเตือนวัยรุ่นกลุ่มนั้นเท่านั้น ส่วนอาวุธปืนนั้นเป็นปืนปลอม และไม่มีความคิดเรื่องการแบ่งแยกดินแดนสร้างความเดือดร้อนให้ใคร จึงขอโทษจากใจจริง
โดยทางด้านตำรวจ สภ.ละงู ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนปล่อยตัวกลับไป เนื่องจาก นายก็อต ไม่ได้เข้าค่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือความผิดด้านความมั่นคงแต่อย่างใด อีกทั้งอาวุธเป็นเพียงอาวุธปลอม ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวัน และว่ากล่าวตักเตือน รวมทั้งผู้ปกครองในการเน้นย้ำให้ดูแลบุตรไม่ให้ประพฤติตัวในลักษณะเช่นนี้อีก เพราะอาจเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบได้ แม้ว่า นายก็อต จะเคยต้องคดีครอบครองอาวุธปืน และถูกจับมาแล้วก็ตาม
ขณะที่ พ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผกก.สภ.ละงู ได้กล่าวเตือนผู้ปกครองให้ช่วยกันดูแลบุตรหลาน และให้ความรู้ เพราะการใช้สื่อโซเชียลอาจเป็นดาบสองคมได้ หากใช้โดยขาดความยั้งคิดเหมือนอย่างเช่นกรณีนี้ แม้จะไม่เข้าข่ายการกระทำความคิด แต่หากทำด้วยความคะนองอาจจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม และคนรอบข้างได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวัน และว่ากล่าวตักเตือนทั้งผู้ปกครอง และเด็ก ที่อาจกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์



