ตรัง - พบซาก “วาฬหัวทุย” น้ำหนักราว 3 ตัน ยาวประมาณ 12 เมตร เนื้อเปื่อยยุ่ยส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง คาดสาเหตุป่วยถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นริมชายหาดทะเลตรัง ใน อ.หาดสำราญ เผยเพิ่งพบเป็นตัวแรก
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายวิวาห์ เก้าเอี้ยน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ว่า ได้มีซากปลาวาฬขนาดใหญ่ ถูกน้ำซัดมาเกยตื้นที่บ้านแหลมลูกไม้ หมู่ที่ 12 ต.หาดสำราญ หลังทราบแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พบซากปลาวาฬขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 12-15 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 3 ตัน เนื้อเปื่อยยุ่ยส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง ท่ามกลางชาวบ้านที่มายืนปิดจมูกมุงดูนับร้อยคน
ผู้ใหญ่วิวาห์ กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านแหลมลูกไม้ ว่า เมื่อตอนเช้าของวานนี้ (6 ส.ค.) พบซากปลาวาฬขนาดใหญ่ โดนน้ำซัดมาเกยตื้นอยู่ที่บ้านแหลมลูกไม้ หมู่ที่ 12 สภาพเน่าเปื่อยไม่เหลือเค้าเดิม มีโครงกระดูกโผล่ออกมา คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน และคาดว่าจะเสียชีวิตมาจากทะเลลึก ทำให้คลื่นทะเลซัดเข้ามาเกยตื้นบนชายฝั่งดังกล่าว ส่วนสาเหตุการตาย และเพศยังไม่ทราบ โดยจะแจ้งประสานไปทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบก่อน ซึ่งพื้นที่ อ.หาดสำราญ ไม่เคยมีวาฬขนาดใหญ่มาเกยตื้น และตัวนี้ถือว่าเป็นตัวแรก
ขณะที่ นายประจวบ โมฆรัตน์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่า เป็นวาฬหัวทุย น้ำหนักราว 3,000 กิโลกรัม ความยาวประมาณ 12 เมตร ไม่สามารถระบุเพศได้ เนื้อเปื่อยยุ่ย คาดว่าตายมาแล้วประมาณไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ และเพิ่งพบเป็นตัวแรกในบริเวณทะเลแถบนี้
ส่วนวาฬหัวทุย มักจะอยู่ทะเลนอก และสาเหตุที่ลอยมาเกยตื้นน่าจะเกิดจากอาการป่วย ร่างกายอ่อนแอ และหลบมรสุมในช่วงนี้ จึงทำให้เกิดพลัดหลงเข้ามาเกยตื้นริมชายหาดดังกล่าว ก่อนนำซากชิ้นเนื้อ และชิ้นส่วนกระดูกส่งต่อไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฯ จ.ภูเก็ต ส่วนซากที่เหลือชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ได้ระดมกันขุดหลุมฝังกลบบริเวณชายหาดดังกล่าว