พังงา - ตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ จ.พังงา จับกุมแก๊งขโมยลักตัดสายโทรศัพท์ทีโอที เสียหาย 300 คู่สาย มูลค่ากว่าครึ่งแสน จนมุมรับสารภาพก่อนหน้านี้ตระเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (27 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พ.ต.ท.วีรศักดิ์ ศรีทอง สวญ.สภ.ตลาดใหญ่ พ.ต.ท.นิพนธ์ ญาณ ไพศาล รอง ผกก.สอบสวน สภ.ตลาดใหญ่ พ.ต.ท.สมมิตร บัวมาศ สว.สส. นายสนอง มธุรส นายช่าง 7 ตัวแทนบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นำตัว นายสุมิตร ตาลาด อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 10 ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น นายศิรัฐชะดช ศรีวรรณศักดิ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 / 16 ถนนศุภสารรังสรรค์ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนายสิทธิชัย เซ่งฉิว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 3 ผู้ต้องหาไปชี้จุดหลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าสอบถาม และจับกุมขณะลักลอบตัดสายโทรศัพท์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ทีโอที กว่า 300 คู่สาย ยาวประมาณ 122 เมตร รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท
พ.ต.ท.วีรศักดิ์ ศรีทอง สวญ.สภ.ตลาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะที่สายตรวจรถยนต์ สภ.ตลาดใหญ่ ได้ขับรถตรวจบริเวณถนนราษบำรุง ระหว่างตลาดใหญ่-ตะกั่วป่า หน้าสะพานเหล็กโคกขนุน ได้พบรถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บน 7324 มหาสารคาม จอดอยู่บริเวณด้านซ้ายในมุมมืด และพบผู้ต้องสงสัยกำลังเก็บสายเคเบิลจึงได้จอดรถลงไปสอบถามว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของทีโอทีหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาได้ตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของทีโอที เจ้าหน้าที่จึงขอดูเอกสารหลักฐานว่าเป็นพนักงาน แต่กลับไม่พบจึงได้เชิญตัวทั้ง 3 คน ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ
พร้อมด้วยของกลางสายเคเบิลโทรศัพท์ 122 เมตร มีดพร้า ครีมตัดลวดทองแดง และอุปกรณ์ใช้สำหรับตัดเคเบิลจำนวนหลายรายการ ภายในรถพบอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ ก่อนจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทีโอที ว่า มีการจ้างช่างมาดำเนินการทำสายเคเบิลหรือไม่ โดยได้รับคำตอบว่าไม่มีการจ้างช่างมาดำเนินการทำสายเคเบิลในช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในพื้นที่ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง และ อ.ตะกั่วป่า มาแล้วหลายครั้ง
เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันตัดสายเคเบิลจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นการจับกุม และเตรียมขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น หรือร้านรับซื้อของเก่ามาดำเนินคดีต่อไป
