ชาวเมืองคอนเฮ! หลัง ม.44 สั่งนายกเทศมนตรีฯ-ปลัด อบจ.นครฯ ระงับการปฏิบัติหน้าที่

นครศรีธรรมราช - หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 ระงับการปฏิบัติงานของนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช จนสร้างความพอใจให้แก่หลายฝ่าย และในคำสั่งเดียวกัน ยังมีการระงับการปฏิบัติหน้าที่ของปลัด อบจ.นครศรีธรรมราช พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนพฤติการณ์ทุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2560 ในเรื่องการประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ซึ่งในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช ได้มีผู้ที่ต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่ คือ นายเชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในบัญชีของผู้บริหารท้องถิ่น และนายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในบัญชีรายชื่อข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

โดยที่สำนักงานเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ข้าราชการยังเข้าปฏิบัติงานตามปกติ แต่มีท่าทีผ่อนคลายไปมาก และขอร้องอย่ามีการบันทึกภาพภายใน เนื่องจากเกรงผลกระทบต่อข้าราชการ ส่วนผู้ที่มาติดต่อราชการนั้นค่อนข้างบางตา ซึ่งล่าสุดนั้นยังมีข้อถกเถียงกันภายในการบริหาร ซึ่งอยู่ในระหว่างการหารือข้อกฎหมายไปยังท้องถิ่น จ.นครศรีธรรมราช และเป็นไปได้ว่า นายพงศ์สินธ์ เสนพงศ์ รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ และนายเชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่ต้องคำสั่งตามมาตรา 44 นี้ ขึ้นรักษาราชการแทน

ขณะที่แวดวงสังคมต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช ต่างแสดงความพอใจต่อคำสั่งของหัวหน้า คสช.ในครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในแวดวงสังคมออนไลน์ และมีการนำเอาภาพมาตกแต่งด้วยข้อความคำสั่งมาตรา 44 แชร์ต่อกันไปเป็นจำนวนมาก

ส่วนข้อสังเกตการต้องคำสั่งนี้ ก่อนหน้านี้ เพียง 1 เดือน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 สำนักตรวจสอบพิเศษ 14 ได้ชี้มูลความผิดของ นายเชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช และข้าราชการในสำนักงานเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตัวแทนชุมชนที่เป็นกรรมการรับมอบงานจ้างปรับปรุงสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช มูลค่า 13.4 ล้านบาท โดยน่าเชื่อว่า นายเชาว์นวัศ เป็นหัวหน้าขบวนการทุจริตใน 7 ประเด็น รวมทั้งการตรวจสอบในกรณีการปรับปรุงระบบประปา การเช่าบ่อน้ำดิบโดยไม่ได้ใช้งานอย่างแท้จริง มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ความพยายามในการจัดให้เอกชนเข้ามาผูกขาดผลิตประปา 30 ปี วงเงิน 5 พันล้านบาท แต่โครงการนี้ถูกขัดขวางจากหลายฝ่าย จนไม่สามารถดำเนินการได้

เช่นเดียวกับความพยายามในการจัดซื้อ และติดตั้งกล้องวงจรปิด 2 ตัว มูลค่า 1.6 ล้านบาท หรือความล้มเหลวในการจัดการแก้ไขปัญหาภูเขาขยะ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง โดยหลายประเด็นเหล่านี้ได้ถูกตรวจสอบจากสังคม และสื่อมวลชนอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด และหลังจากต้องคำสั่งนี้ เจ้าตัวยังคงเก็บตัวเงียบ

ขณะที่ นายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากที่ นายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายอีกคนของนายเชาว์นวัศ ต้องคำพิพากษาในคดีทุจริตเลือกตั้ง ตามคำร้องของ กกต. ซึ่งถูกตรวจสอบการบริหารจัดการ โดยเฉพาะด้านการงบประมาณที่มีความไม่โปร่งใสในหลายประเด็นอีกเช่นเดียวกัน