พังงา - ครูโพสต์เฟซบุ๊ก วอนสังคมช่วยเหลือเด็กหญิง ป.2 ป่วยเป็นโรคประหลาด พบเพียง 1 ในล้าน ต้องนอนรักษาตัวโรงพยาบาล แบกรับค่าใช้จ่ายมาก
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กข้อความระดมทุนช่วยเหลือเด็กหญิงชั้น ป.2 เป็นค่าแพมเพอร์ส ระหว่างรักษาโรคประหลาด ซึ่งพบเพียง 1 ในล้าน โดยมีภาพเด็กหญิงวัยกำลังน่ารักนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนมีการแชร์ข้อความต่อๆ กันจำนวนมาก พร้อมทั้งโพสต์ให้กำลังใจน้องอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด น.ส.อลิสตรา อ่อนอัด หรือครูอีฟ ครูประจำชั้น ป.2 โรงเรียนวัดเหมืองประชาราม อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “อลิสตรา อะกาลิโก” อีกครั้งเพื่อขอบคุณให้การช่วยเหลือ ด.ญ.กีรติญาภา จันทร์หอม หรือน้องกิมเตี๋ยน อายุ 8 ขวบ พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าของการอาการ ด้วยข้อความว่า
“#รบกวนช่วยกันแชร์อีกรอบค่ะ สวัสดีเพื่อนชาวเฟซทุกท่าน หลังจากที่โพสต์ไปเมื่อวานนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจากหลายๆ ท่าน ทั้งคนใกล้ตั วและคนไกลตัวที่รับทราบข่าวคราว วันนี้จะมารายงานความคืบหน้าค่ะ หลังจากที่เห็นภาพน้อง และทราบข้อมูลเบื้องต้นจากคุณพ่อน้อง และในโพสต์แรกได้แจ้งไปว่า น้องเข้ารับการรักษาฟรี แต่ต้องการระดมทุนสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ยอดล่าสุดจะแจ้งให้ทราบในคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ค่ะ
ทราบมาว่ามีคนไปเยี่ยมน้องที่ รพ. หลายท่านแล้วค่ะ ซึ่งคุณครู ขอขอบคุณในความเมตตาของทุกท่านแทนน้องด้วย เมื่อมีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในเชิงลึก จึงได้ทราบว่า น้องได้รับยา “ไบโอไมซิน” ซึ่งเป็นยาตัวเดียวกับที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง แต่คุณหมอได้แจ้งให้คุณพ่อได้ทราบว่า น้องเป็นโรค .... (พ่อจำไม่ได้เพราะเป็นภาษาอังกฤษอังกฤษ) พ่อจึงมาแจ้งครูว่าเป็นมะเร็งตามความเข้าใจของพ่อค่ะ
หลังจากนั้น คุณครูจึงไปดูในเอกสารให้การยินยอมเพื่อเข้ารับการรักษาที่พ่อส่งมาให้ดูทางไลน์ และสืบค้นข้อมูลต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต จึงทำให้ทราบว่า นี่คือโรค “Klippel Trenaunay Syndrome” ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือดแดง หรือดำ หรือต่อมน้ำเหลือง ที่ทำงานผิดปกติ จึงทำให้กล้ามเนื้อบิดเบี้ยว ผิดรูป หรือโต ซึ่งในกรณีของน้องเป็นครบทั้ง 3 หลอดเลือดแดง ดำ และต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งพบได้ยากมาก จึงทำให้อาการน้องเป็นมากกว่าคนที่เป็นโรคนี้โดยทั่วไป และโชคร้ายหน่อยที่น้องได้รับการรักษาไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากพ่อประสบปัญหาด้านทางเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดการลุกลามไปจนถึงกระดูกเชิงกราน และโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ (มะเร็งตัดทิ้ง รักษาตัวดีๆ อาจจะหายได้ค่ะ) เพราะหลอดเลือด และต่อมน้ำเหลืองอยู่ในร่างกายเราค่ะ ถ้าเราตัดทิ้งคงไม่ต้องอธิบายผลลัพธ์นะคะ
การรักษา ต้องรักษาตามอาการ และตอนนี้ทางโรงพยาบาลรับน้องไว้ดูแล 3 เดือนค่ะ เพื่อให้น้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนคุณพ่อ ก็จะกลับมาสมัครงาน และเมื่อได้รับเงินจำนวนหนึ่งก็จะปิดรับการช่วยเหลือเนื่องจากคุณพ่อ อธิบายว่า เมื่อน้องไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพ่อไม่ต้องเดินทางขึ้นลง ก็จะขอทำงานเพื่อหารายได้เองต่อไปค่ะ (แต่ตอนนี้ก็ยังตกงานอยู่ค่ะ)
สำหรับยอดเงินบริจาคทุกบาท คุณพ่อสัญญาว่าจะนำมาใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับน้องมากที่สุด หากเหลือก็จะเก็บไว้เพื่อพาน้องมารับการรักษาตามนัดในอนาคต (โรคนี้เป็นแล้ว จะเป็นไปตลอดไม่หายขาด จึงต้องรักษาเป็นระยะๆ และอย่าให้ติดเชื้อ)
ส่วนรูปของน้องที่เห็นบาดแผลที่แชร์ออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อน้องในอนาคต ซึ่งย่อมต้องมีทั้งด้านบวกและลบ ยังไงก็ขอความร่วมมือช่วยปิดหน้าน้องให้ด้วยนะคะ
ทุกอย่างครูทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และความจริงก็คือ น้องก็ยังรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช หากข้อมูลของโรคที่น้องเป็นในครั้งแรกที่โพสต์ออกไปเพื่อขอรับการช่วยเหลือเบื้องต้น ทำให้หลายๆ คนไม่สบายใจ ครูขอรับความผิดนั้นไว้คนเดียวค่ะ แต่ถ้ายังสงสารน้องอยู่รบกวนบริจาคเป็นแพมเพอร์ส ไซส์ M ผู้ใหญ่ ผ้าพันแผล และน้ำเกลือล้างแผล ก็จะเป็นการสร้างกุศลต่อไปค่ะ #แต่ตอนนี้ #ยังรับบริจาคอยู่นะคะ”
ก่อนที่ครูอีฟ จะเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ได้รับ น้องกิมเตี๋ยน เป็นผู้ป่วยของโครงการเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งครอบครัวของน้องจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่ก็ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือ เช่น แพมเพอร์ส ผ้าพันแผล และน้ำเกลือล้างแผล โดยทีมแพทย์ รพ.ศิริราช ให้แอดมิดเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อรักษาแผลติดเชื้อ และพักฟื้นก่อนจะสามารถสรุปผลว่าสามารถผ่าตัดใหญ่ได้หรือไม่
โดยก่อนหน้าได้เริ่มรักษาตัวน้องที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ครั้งแรกที่มีการตรวจพบเป็นโรคนี้ คุณพ่อได้พาไปพบหมอเพื่อให้คีโม และหมอทำการนัดครั้งที่ 2 แต่เนื่องจากคุณพ่อไม่สามารถหาเงินค่ารถเดินทางไปได้จึงไม่สามารถพาน้องไปรักษา และถึงขั้นต้องขายบ้าน
เมื่อนายอำเภอทราบเรื่องจึงได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านไปดูแล โดยระดมเงินให้คุณพ่อ 3,000 บาท เพื่อไปรักษา จนกระทั่งครั้งนี้เมื่อตนเองทราบจึงได้ดำเนินการเรื่องค่าเดินทาง ส่วนสาเหตุที่ทำให้โรคแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วก็สืบเนื่องจากครอบครัวของน้องประสบภาวะทางเศรษฐกิจจึงไม่สามารถที่จะพาน้องไปรักษาที่ กรุงเทพฯ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้แผลติดเชื้อ และลุกลามไปถึงกระดูกเชิงกราน ทำให้ทีมแพทย์ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กข้อความระดมทุนช่วยเหลือเด็กหญิงชั้น ป.2 เป็นค่าแพมเพอร์ส ระหว่างรักษาโรคประหลาด ซึ่งพบเพียง 1 ในล้าน โดยมีภาพเด็กหญิงวัยกำลังน่ารักนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนมีการแชร์ข้อความต่อๆ กันจำนวนมาก พร้อมทั้งโพสต์ให้กำลังใจน้องอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด น.ส.อลิสตรา อ่อนอัด หรือครูอีฟ ครูประจำชั้น ป.2 โรงเรียนวัดเหมืองประชาราม อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “อลิสตรา อะกาลิโก” อีกครั้งเพื่อขอบคุณให้การช่วยเหลือ ด.ญ.กีรติญาภา จันทร์หอม หรือน้องกิมเตี๋ยน อายุ 8 ขวบ พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าของการอาการ ด้วยข้อความว่า
“#รบกวนช่วยกันแชร์อีกรอบค่ะ สวัสดีเพื่อนชาวเฟซทุกท่าน หลังจากที่โพสต์ไปเมื่อวานนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจากหลายๆ ท่าน ทั้งคนใกล้ตั วและคนไกลตัวที่รับทราบข่าวคราว วันนี้จะมารายงานความคืบหน้าค่ะ หลังจากที่เห็นภาพน้อง และทราบข้อมูลเบื้องต้นจากคุณพ่อน้อง และในโพสต์แรกได้แจ้งไปว่า น้องเข้ารับการรักษาฟรี แต่ต้องการระดมทุนสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ยอดล่าสุดจะแจ้งให้ทราบในคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ค่ะ
ทราบมาว่ามีคนไปเยี่ยมน้องที่ รพ. หลายท่านแล้วค่ะ ซึ่งคุณครู ขอขอบคุณในความเมตตาของทุกท่านแทนน้องด้วย เมื่อมีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในเชิงลึก จึงได้ทราบว่า น้องได้รับยา “ไบโอไมซิน” ซึ่งเป็นยาตัวเดียวกับที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง แต่คุณหมอได้แจ้งให้คุณพ่อได้ทราบว่า น้องเป็นโรค .... (พ่อจำไม่ได้เพราะเป็นภาษาอังกฤษอังกฤษ) พ่อจึงมาแจ้งครูว่าเป็นมะเร็งตามความเข้าใจของพ่อค่ะ
หลังจากนั้น คุณครูจึงไปดูในเอกสารให้การยินยอมเพื่อเข้ารับการรักษาที่พ่อส่งมาให้ดูทางไลน์ และสืบค้นข้อมูลต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต จึงทำให้ทราบว่า นี่คือโรค “Klippel Trenaunay Syndrome” ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือดแดง หรือดำ หรือต่อมน้ำเหลือง ที่ทำงานผิดปกติ จึงทำให้กล้ามเนื้อบิดเบี้ยว ผิดรูป หรือโต ซึ่งในกรณีของน้องเป็นครบทั้ง 3 หลอดเลือดแดง ดำ และต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งพบได้ยากมาก จึงทำให้อาการน้องเป็นมากกว่าคนที่เป็นโรคนี้โดยทั่วไป และโชคร้ายหน่อยที่น้องได้รับการรักษาไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากพ่อประสบปัญหาด้านทางเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดการลุกลามไปจนถึงกระดูกเชิงกราน และโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ (มะเร็งตัดทิ้ง รักษาตัวดีๆ อาจจะหายได้ค่ะ) เพราะหลอดเลือด และต่อมน้ำเหลืองอยู่ในร่างกายเราค่ะ ถ้าเราตัดทิ้งคงไม่ต้องอธิบายผลลัพธ์นะคะ
การรักษา ต้องรักษาตามอาการ และตอนนี้ทางโรงพยาบาลรับน้องไว้ดูแล 3 เดือนค่ะ เพื่อให้น้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนคุณพ่อ ก็จะกลับมาสมัครงาน และเมื่อได้รับเงินจำนวนหนึ่งก็จะปิดรับการช่วยเหลือเนื่องจากคุณพ่อ อธิบายว่า เมื่อน้องไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพ่อไม่ต้องเดินทางขึ้นลง ก็จะขอทำงานเพื่อหารายได้เองต่อไปค่ะ (แต่ตอนนี้ก็ยังตกงานอยู่ค่ะ)
สำหรับยอดเงินบริจาคทุกบาท คุณพ่อสัญญาว่าจะนำมาใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับน้องมากที่สุด หากเหลือก็จะเก็บไว้เพื่อพาน้องมารับการรักษาตามนัดในอนาคต (โรคนี้เป็นแล้ว จะเป็นไปตลอดไม่หายขาด จึงต้องรักษาเป็นระยะๆ และอย่าให้ติดเชื้อ)
ส่วนรูปของน้องที่เห็นบาดแผลที่แชร์ออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อน้องในอนาคต ซึ่งย่อมต้องมีทั้งด้านบวกและลบ ยังไงก็ขอความร่วมมือช่วยปิดหน้าน้องให้ด้วยนะคะ
ทุกอย่างครูทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และความจริงก็คือ น้องก็ยังรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช หากข้อมูลของโรคที่น้องเป็นในครั้งแรกที่โพสต์ออกไปเพื่อขอรับการช่วยเหลือเบื้องต้น ทำให้หลายๆ คนไม่สบายใจ ครูขอรับความผิดนั้นไว้คนเดียวค่ะ แต่ถ้ายังสงสารน้องอยู่รบกวนบริจาคเป็นแพมเพอร์ส ไซส์ M ผู้ใหญ่ ผ้าพันแผล และน้ำเกลือล้างแผล ก็จะเป็นการสร้างกุศลต่อไปค่ะ #แต่ตอนนี้ #ยังรับบริจาคอยู่นะคะ”
ก่อนที่ครูอีฟ จะเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ได้รับ น้องกิมเตี๋ยน เป็นผู้ป่วยของโครงการเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งครอบครัวของน้องจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่ก็ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือ เช่น แพมเพอร์ส ผ้าพันแผล และน้ำเกลือล้างแผล โดยทีมแพทย์ รพ.ศิริราช ให้แอดมิดเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อรักษาแผลติดเชื้อ และพักฟื้นก่อนจะสามารถสรุปผลว่าสามารถผ่าตัดใหญ่ได้หรือไม่
โดยก่อนหน้าได้เริ่มรักษาตัวน้องที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ครั้งแรกที่มีการตรวจพบเป็นโรคนี้ คุณพ่อได้พาไปพบหมอเพื่อให้คีโม และหมอทำการนัดครั้งที่ 2 แต่เนื่องจากคุณพ่อไม่สามารถหาเงินค่ารถเดินทางไปได้จึงไม่สามารถพาน้องไปรักษา และถึงขั้นต้องขายบ้าน
เมื่อนายอำเภอทราบเรื่องจึงได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านไปดูแล โดยระดมเงินให้คุณพ่อ 3,000 บาท เพื่อไปรักษา จนกระทั่งครั้งนี้เมื่อตนเองทราบจึงได้ดำเนินการเรื่องค่าเดินทาง ส่วนสาเหตุที่ทำให้โรคแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วก็สืบเนื่องจากครอบครัวของน้องประสบภาวะทางเศรษฐกิจจึงไม่สามารถที่จะพาน้องไปรักษาที่ กรุงเทพฯ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้แผลติดเชื้อ และลุกลามไปถึงกระดูกเชิงกราน ทำให้ทีมแพทย์ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด