ตรัง - ตายายอาศัยอยู่ในโรงเรียนร้างนานเกือบ 5 ปี ไร้ผู้เหลียวแล มีลูก 6 คน พึ่งได้เพียง 1 คน มีรายได้ไม่พอกิน อีก 5 คน สูญเปล่า มีเจ้าอาวาสวัดช่วยเหลือได้เพียงเล็กน้อย ชีวิตสุดอนาถา
วันนี้ (21 ก.ค.) พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนวัดศรัทธาธรรม ม.3 บ้านไสจีนติก ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 500 เมตร หลังจากทราบว่า มีตายายคู่หนึ่ง และลูกชาย อาศัยนอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้ มานานเกือบ 5 ปี ท่ามกลางเสียงโจษขานของชาวบ้านในละแวกนั้น กล่าวหาว่า ครอบครัวนี้เห็นแก่ตัว ใช้โรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการเป็นที่พักอาศัยโดยพลการ
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบ นายพันธ์ พาพันธ์ อายุ 88 ปี และนางสงวน พาพันธ์ อายุ 74 ปี ตายาย ตามบัตรประชาชนอยู่บ้านเลขที่ 82/2 ม.3 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีสภาพความเป็นอยู่สุดแสนน่าเวทนา ด้วยเครื่องนอนเก่าๆ ที่เสื่อมสภาพเต็มที หลังคาพังเวลาฝนตกก็รั่วอย่างหนัก มีมุ้งกางไว้กลางห้องสำหรับใช้กันยุง ฟูกที่นอนไม่มี ข้าวของที่มีราคาแทบหาไม่เจอ มีไฟแสงสว่างแค่เพียง 1 หลอด และน้ำกินใช้ที่ต่อท่อมาจากวัดศรัทธาธรรม โดยเจ้าอาวาสได้อนุเคราะห์ช่วยเหลือ การหุงหาอาหารก็ใช้ไม้ฟืน มียาสามัญประจำบ้านส่วนหนึ่งวางอยู่ใกล้ที่นอน ทั้ง 2 คน มีเพียงเงินคนแก่เป็นรายได้เดือนละ 1,600 บาท กับเงินรายได้ของ นายสานิต พาพันธ์ ลูกชายคนเล็ก อายุ 25 ปี มาอาศัยอยู่ด้วย และมีอาชีพรับจ้างตัดหญ้าเล็กๆ น้อยๆ มีรายได้ครั้งละ 200-300 บาท พอประทั่งเลี้ยง 3 ชีวิตเท่านั้น
นายพันธ์ และนางสงวน พาพันธ์ สองตายาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เติมทีนายพันธ์ เป็นชาว จ.ศรีสะเกษ มีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไปโดยเฉพาะงานก่อสร้าง ก็ต้องเดินทางไปหลายจังหวัด จนมาถึงจังหวัดตรัง ก็พบรักกับนางสงวน จึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันจนมีบุตรธิดา ด้วยกัน 6 คน ปัจจุบันต่างก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดูแล 2 คนพ่อแม่ได้ เพราะมีปัญหาลูกเขย ลูกสะใภ้ จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่บ้านญาติ แต่ก็กลับมีปัญหาญาติจำเป็นต้องขายบ้านที่พักอาศัยไปอีก ทำให้ตน 2 คนไม่มีที่อยู่ จึงเดินทางมาที่วัดศรัทธาธรรม เพราะเคยรู้จักกับท่านเจ้าอาวาสมาก่อน กะว่าจะมาขออาศัยอยู่ที่วัด แต่ พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม ก็บอกว่ามีอาคารเรียนซึ่งร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอยู่ ก็ให้มาอยู่ชั่วคราวไปก่อน ส่วนอาหารการกินก็อาศัยวัดบ้าง เพื่อนบ้านช่วยเหลือมาบ้างเป็นครั้งคราว
โดยตอนนี้ก็คิดกันว่าอยากจะกลับไปอยู่บ้านเดิม ที่ จ.ศรีสะเกษ เพราะมีญาติพี่น้องของ นายพันธ์ อยู่ที่นั่น แต่ก็จนใจยังไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการค่าเดินทาง ขืนยังอยู่ที่โรงเรียนร้างแห่งนี้ต่อไปก็คงไม่สะดวก และไม่อยากที่จะอยู่อีกต่อไปแล้ว หากตอนนี้ขอได้อยากขอให้มีค่าเดินทางกลับไปที่ จ.ศรีสะเกษ เท่านั้น ก็จะย้ายออกไปทันทีทั้งหมด เพราะไม่อยากถูกรังเกียจจากคนในชุมชนมากไปกว่านี้ และไม่อยากมีความหวังว่าลูกอีก 5 คน จะมาช่วยเหลือเพราะหมดหวังเรื่องนี้ไปนานแล้ว
ด้าน พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม กล่าวว่า เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ก็เจอโยม 2 ตายายนี้เดินหาบ้านเช่า ก็เกิดความสงสารว่าไม่มีบ้านอยู่ เที่ยวเร่ร่อน อายุก็มากแล้ว แถมไม่มีงานทำ ก็เลยแนะนำให้ไปอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ชั่วคราว เพราะเห็นว่าถูกปล่อยให้ร้างอยู่นานแล้ว แต่พออยู่ไปสักพักก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในชุมชนหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ถึงความไม่เหมาะสมที่ปล่อยให้ 2 ตายายเข้าไปอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้โดยพลการ ตนก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร จนกระทั่งตายายกับลูกชายก็หารือกันว่าจะกลับไปที่ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากพอมีญาติอยู่บ้าง ตอนนี้ติดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงยังไม่สามารถไปได้