MGR Online - “ทนายสงกานต์” พาสองตายายคดีเก็บเห็ดเข้าพบรองปลัดยุติธรรม วอนเลื่อนอ่านคำพิพากษาจากพรุ่งนี้เป็นวันที่ 20 พ.ค. 2560 พร้อมหารือขอแนวทางรื้อฟื้นคดีใหม่ กับดำเนินคดี จนท.ป่าไม้ฐานเบิกความเท็จ เผยกองทุนยุติธรรมเตรียม 1 ล้านให้สู้คดีแล้ว
วันนี้ (1 พ.ค.) เวลา 13.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พานายอุดม และนางแดง ศิริสอน สองตายายคดีเก็บเห็ด จ.กาฬสินธุ์ เดินทางเข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านคดี หลังถูกกล่าวหาร่วมกันบุกรุกแผ้วถางป่าไม้ ยึดถือ ครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำไม้หวงห้ามและมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูป โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ
นายสงกานต์กล่าวว่า วันนี้ตนพาตายายมาพบรองปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อยื่นร้องเรียน หลังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์เตรียมอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ค. 60 ซึ่งศาลเลื่อนมาจากวันที่ 20 เม.ย. 59 เพื่อสืบเสาะพยานใหม่ โดยตนพิจารณาว่าจะออกมา 4 แนวทาง คือ 1. ศาลยืนคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ก็จะมีการประกันตัว พร้อมขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่ เพื่อให้ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่เบิกความเท็จต่อพนักงานสอบสวน 2. พิพากษายกฟ้อง 3. พิพากษาแก้ จากเดิมตัดสินจำคุก 30 ปี รับสารภาพเหลือ 15 ปี ต้องดูก่อนว่าเป็นอย่างไร และ 4. ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง
นายธวัชชัยเปิดเผยว่า ตนได้ลงนามอนุมัติกองทุนยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว หากศาลพิพากษายืนตามอุทธรณ์สั่งจำคุก หรือพิพากษาย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ โดยกระทรวงยุติธรรมมีวงเงินช่วยเหลือตายาย รายละ 1 ล้านบาทในการต่อสู้คดี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ระหว่างการพิจารณา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่กองทุนยุติธรรมให้คำปรึกษา พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ไปร่วมฟังคำพิพากษาด้วย อย่างไรก็ตาม การตัดสินขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ไม่สามารถก้าวล่วงได้
ด้านนายอุดมกล่าวว่า ตนมาขอความยุติธรรมเพื่อให้ศาลยกฟ้องเพราะไม่ได้กระทำผิด ตนเป็นคนจนหาเช้ากินค่ำ พร้อมต่อสู้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด และขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ให้การช่วยเหลือ