ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จนท.ย้ายไข่เต่าทะเลออกจากหลุมหาดปะตก เกาะราชา จ.ภูเก็ต หลังแม่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ติดกำแพงกันคลื่นโรงแรมดัง พบในหลุมมีไข่เต่า 94 ฟอง แต่แตกไป 7 ฟอง
เมื่อเวลา 14.10 น. วันนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.6 ชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ และพนักงานโรงแรมเดอะราชา ได้ช่วยกันทำการขุดหลุมทรายที่บริเวณกำแพงกันคลื่น หาดปะตก เกาะราชา จ.ภูเก็ต หลังจากเมื่อวาน (14 ก.ค.) ที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมเกาะราชา รีสอร์ท พบรอยแม่เต่าขึ้นมาขุดหลุมซึ่งคาดว่าจะมีการวางไข่ไว้
จากการขุดหลุมตรวจสอบพบว่า ภายในหลุมมีไข่เต่าทะเลจริงๆ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟักต่อไป จากการตรวจสอบพบว่า มีไข่เต่าทะเลจำนวน 94 ฟอง แต่พบว่าไข่เต่าแตกไป 7 ฟอง คงเหลือ 87 ฟอง เบื้องต้น คาดว่าเป็นเต่าตนุซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ที่ขึ้นมาวางไข่ทิ้งไว้
จากการสอบถามไปยัง นายสฤษดิ์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการพบรอยเท้าของเต่าทะเล และร่องรอยของหลุมวางไข่ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (14 ก.ค.) และได้แจ้งให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ โดยช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีการขุดดูแล้วแต่ปรากฏว่าไม่เจอ
กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ได้มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง และขยายพื้นที่ในการขุดออกไปกระทั่งพบไข่เต่าทะเลถูกฝังอยู่ใต้พื้นทราย นับได้ 94 ฟอง แต่น่าเสียดายในระหว่างขุด พลั่วไปโดนไข่เต่าแตกไป 7 ฟอง จึงเหลืออยู่เพียง 87 ฟอง จึงได้เคลื่อนย้ายไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมและปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟัก คาดใช้เวลา 45-60 วัน สอบถามเจ้าหน้าที่ฯ ทราบว่า เต่าตัวนี้น่าจะเป็นเต่าตนุ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
“สาเหตุที่ต้องขุด และนำไปเพาะฟักยังจุดอื่น เนื่องจากบริเวณที่เต่าวางไข่ หากฝนตกจะมีน้ำท่วมขัง และในหน้ามรสุมน้ำทะเลจะพัดมาถึงบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ไข่เต่า และไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ จึงต้องเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นผู้ดำเนินการตามหลักวิชาการทุกประการ
แต่ทางชมรมฯ ได้ขอให้เพาะฟักไว้บนเกาะ เนื่องจากโดยสัญชาตญาณของเต่า หากไข่เต่าฟักออกมาที่ไหน เมื่อโตขึ้นเขาก็จะกลับมาที่นั่นอีก และเมื่อฟักเป็นตัวแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่นำไปอนุบาลต่อที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ จนถึงอายุที่เหมาะสม สามารถปล่อยกลับคืนทะเลได้ก็ขอให้นำมาปล่อยที่เกาะราชาด้วย” นายสฤษดิ์ กล่าว
เมื่อเวลา 14.10 น. วันนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.6 ชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ และพนักงานโรงแรมเดอะราชา ได้ช่วยกันทำการขุดหลุมทรายที่บริเวณกำแพงกันคลื่น หาดปะตก เกาะราชา จ.ภูเก็ต หลังจากเมื่อวาน (14 ก.ค.) ที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมเกาะราชา รีสอร์ท พบรอยแม่เต่าขึ้นมาขุดหลุมซึ่งคาดว่าจะมีการวางไข่ไว้
จากการขุดหลุมตรวจสอบพบว่า ภายในหลุมมีไข่เต่าทะเลจริงๆ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟักต่อไป จากการตรวจสอบพบว่า มีไข่เต่าทะเลจำนวน 94 ฟอง แต่พบว่าไข่เต่าแตกไป 7 ฟอง คงเหลือ 87 ฟอง เบื้องต้น คาดว่าเป็นเต่าตนุซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ที่ขึ้นมาวางไข่ทิ้งไว้
จากการสอบถามไปยัง นายสฤษดิ์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการพบรอยเท้าของเต่าทะเล และร่องรอยของหลุมวางไข่ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (14 ก.ค.) และได้แจ้งให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ โดยช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีการขุดดูแล้วแต่ปรากฏว่าไม่เจอ
กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ได้มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง และขยายพื้นที่ในการขุดออกไปกระทั่งพบไข่เต่าทะเลถูกฝังอยู่ใต้พื้นทราย นับได้ 94 ฟอง แต่น่าเสียดายในระหว่างขุด พลั่วไปโดนไข่เต่าแตกไป 7 ฟอง จึงเหลืออยู่เพียง 87 ฟอง จึงได้เคลื่อนย้ายไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมและปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟัก คาดใช้เวลา 45-60 วัน สอบถามเจ้าหน้าที่ฯ ทราบว่า เต่าตัวนี้น่าจะเป็นเต่าตนุ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
“สาเหตุที่ต้องขุด และนำไปเพาะฟักยังจุดอื่น เนื่องจากบริเวณที่เต่าวางไข่ หากฝนตกจะมีน้ำท่วมขัง และในหน้ามรสุมน้ำทะเลจะพัดมาถึงบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ไข่เต่า และไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ จึงต้องเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นผู้ดำเนินการตามหลักวิชาการทุกประการ
แต่ทางชมรมฯ ได้ขอให้เพาะฟักไว้บนเกาะ เนื่องจากโดยสัญชาตญาณของเต่า หากไข่เต่าฟักออกมาที่ไหน เมื่อโตขึ้นเขาก็จะกลับมาที่นั่นอีก และเมื่อฟักเป็นตัวแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่นำไปอนุบาลต่อที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ จนถึงอายุที่เหมาะสม สามารถปล่อยกลับคืนทะเลได้ก็ขอให้นำมาปล่อยที่เกาะราชาด้วย” นายสฤษดิ์ กล่าว