ตรัง - “เจ้าด่าง” แม่พะยูนอายุประมาณ 50 ปี สิ้นใจตายบริเวณเกาะลิบง จ.ตรัง หลังทีมสัตวแพทย์ช่วยเหลือยื้อชีวิตนานกว่า 15 ชม. ผลผ่าพิสูจน์ซากพบอาการป่วยเรื้อรัง นับเป็นตัวที่ 3 ในรอบปี 2560
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่คณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ทีมสัตวแพทย์กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต ได้ร่วมกับ นายประจวบ โฆษรัตน์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง นายอับดุลรอหีม ขุนรักษา กำนัน ต.เกาะลิบง และภาคีเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง ได้ทำการผ่าพิสูจน์ซากพะยูนเพศเมีย ชื่อเจ้าด่าง อายุประมาณ 50 ปี หนักกว่า 300 กิโลกรัม เพื่อหาสาเหตุการตาย
ทั้งนี้ จากการสังเกตพบว่า บนแผ่นหลังของแม่พะยูนมีรอยด่างเกิดขึ้น หลังจากได้ว่ายมาเกยตื้นที่บริเวณปากคลองบ้านพร้าว ม.6 บ้านหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง กระทั่งมาสิ้นใจลงเมื่อช่วงคืนวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากทีมแพทย์พยายามให้การช่วยเหลือยื้อชีวิตอย่างเต็มกำลังความสามารถนานกว่า 15 ชั่วโมง ด้วยฉีดยาบำรุง และยากระตุ้น จำนวน 3 เข็มแล้ว เนื่องจากแม่พะยูน มีอาการอิดโรย สูญเสียการทรงตัว และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกทั้งยังพบว่าที่อวัยวะเพศมีเลือดออกด้วย นับเป็นพะยูนตัวที่ 3 ที่ตายลงในรอบปี 2560
นายประจวบ โฆษรัตน์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) เปิดเผยว่า ผลจากการผ่าพิสูจน์ซากของทีมสัตวแพทย์ เบื้องต้น ระบุว่า แม่พะยูนตัวนี้ไม่ได้ตั้งท้องอย่างใด แต่มีอาการป่วยเรื้อรัง มีหนองในปอด ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย รวมทั้งพบน้ำ และเลือดในหลอดลม พบพยาธิในหลอดลมและจมูก ส่วนลำไส้ มดลูก รังไข่ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นอกจากนั้น ยังพบรอยช้ำบริเวณหัวของแม่พะยูน จากการกระแทกตัวเองเนื่องจากอ่อนแรง รวมทั้งยังพบแก๊สในลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ท้องอืด และลอยขึ้นเหนือน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจในที่สุด โดยมีสาเหตุมาจากการป่วยตายตามธรรมชาติ