โดย...ศูนย์ข่าวภาคใต้
-----------------------------------------------------------------------------------
จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดีให้ทำการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของอาณาจักรธุรกิจ “เอ็มบีไอกรุ๊ป” หรือธุรกิจในเครือ บริษัท เอ็มบีไอ กรุ๊ป จำกัด (MBI GROUP) ซึ่งตั้งอยู่ในชายแดนฝั่งไทย ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
อันเป็นอาณาจักรธุรกิจที่มีชื่อของ “นายเตียว วุย ฮวด” นักธุรกิจชาวมาเลเซียเป็นผู้ถือหุ้งใหญ่ และมีอำนาจเต็ม ซึ่งปัจจุบันถูกทางการมาเลเซียจับกุมเขาไปดำเนินคดีกรณีพัวพันยาเสพติด ซึ่งมีการระบุว่า เป็นเครือข่ายของ “นายไซซะนะ” เจ้าพ่อยาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปแล้วเช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวในลงพื้นที่เทศบาลตำบลสำนักขาม ตรวจสอบอาณาจักรเอ็มบีไอกรุ๊ปไปแล้วนั้น พบว่า มีการถมลำคลองสาธารณะ เพื่อนำที่ดินไปก่อสร้างถนน โรงแรม สถานบันเทิง รวมถึงอาคารพาณิชย์ต่างๆ มากมาย
รวมทั้งมีการนำหญิงชาวจีนจำนวนหลายพันคนเข้าไปขายบริการในสถานบันเทิง โดยการขอใบอนุญาตจากจัดหางานจังหวัดสงขลาว่า ทำงานเป็น “แม่บ้าน” ที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสงสัยจากคนในพื้นที่มาโดยตลอดว่า ทำไม่อาณาจักรบันเทิงแห่งนี้จึงมีแม่บ้านเป็นจำนวนมาก และแม่บ้านเหล่านี้ทำงานอะไร และเป็นแม่บ้านจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในย่านบันเทิงครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรเอ็มบีไอกรุ๊ปในช่วงเวลาค่ำคืน ก็ได้พบความจริงว่า ในสถานบันเทิงทุกประเภทของอาณาจักรเอ็มบีไอกรุ๊ปแห่งนี้มีหญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่เป็นจำนวนมากที่ทำงานให้บริการแก่แขกที่ไปหาความสำราญ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านตามที่ได้ขออนุญาตทำงานจากจัดหางานจังหวัดแต่อย่างใด
รวมทั้งในร้านอาหารต่างๆ พนักงานเกือบทั้งหมดเป็นหญิง และชายที่มาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยผู้ใช้บริการในร้าน และสถานบันเทิงต่างๆ เป็นนักเที่ยวชาวมาเลเซียเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับสถานบันเทิงต่างๆ เช่น ห้องอาหาร คาราโอเกะ นวดแผนโบราณ และอื่นๆ ก็มีผู้หญิงชาวจีนทำหน้าที่บริการเช่นกัน โดยไม่ได้ทำหน้าที่ของแม่บ้านตามการขออนุญาตการทำงานจากจัดหางานจังหวัดแต่อย่างใด
จากการสอบถามคนในพื้นที่ทำให้ทราบว่า อาณาจักรของเอ็มบีไอกรุ๊ปเป็นอาณาจักรที่ผู้รักษากฎหมายให้การยกเว้น รวมทั้งให้การคุ้มครอง ไม่มีการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะมีหญิงชาวต่างด้าวมาอยู่ และทำงานที่นี่เท่าไหร่ก็ได้ เพราะนอกจากอาณาจักรแห่งนี้จะเต็มไปด้วยหญิงต่างด้าวที่ถือใบอนุญาตการทำงานเป็นแม่บ้านแล้ว
นอกจากนี้แล้ว หลายสถานที่ในอาณาจักรแห่งนี้ยังเป็นแดนสวรรค์ของนักเที่ยวผู้พิสมัยเสพยาเสพติดได้ทุกประเภทอีกด้วย
แหล่งข่าวที่เป็นคนในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม เปิดเผยว่า การที่หญิงชาวต่างด้าวชาวจีนแผ่นดินใหญ่สามารถอาศัยอยู่ในอาณาจักรดังกล่าวได้ เพราะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ และมีการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
โดยมีการเปิดเผยจากผู้ทำหน้าที่เก็บเงินที่อ้างว่า นำไปจ่ายเจ้าหน้าที่ เขายืนยันว่าเฉพาะ ตม.เพียงหน่วยเดียวหัวละ 3,000 บาทต่อเดือน สำหรับในส่วนของจังหางานจังหวัด ฝ่ายปกครอง และตำรวจ มีการเก็บเป็นรายหัวอีกต่างหาก
ซึ่งมีการประเมินว่า “ส่วย” จากหญิงต่างด้าวอย่างเดียว หน่วยงานต่างๆ ได้รับเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
พลเมืองดีที่เป็นผู้ร้องให้สื่อมวลชนทำการตรวจสอบ และเปิดโปงเรื่องดังกล่าว เปิดเผยด้วยว่า ด่านนอก คือ แหล่งค้ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ จ.สงขลา มีการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่มากที่สุด โดยเฉพาะตำรวจเป็นหน่วยงานที่รับผลประโยชน์มากที่สุด และทำหน้าที่คุ้มครองสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด
“จึงอยากบอกไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ว่า ถ้าต้องการปราบปรามการค้ามนุษย์ให้ได้ผล ต้องมาทำการปราบปรามจับกุมคนต่างด้าว และนักธุรกิจที่นี่ จึงจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างดี จะทำให้รัฐบาลเบาใจไปได้มาก”
สำหรับการร้องเรียนสื่อมวลชนครั้งนี้ พลเมืองดีคนดังกล่าว กล่าวว่า ต้องการให้จัดหางานจังหวัด และตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.6 ฝ่ายปกครอง และ ผบช.ภ.9 ทำการตรวจสอบคนต่างด้าวทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 10,000 คนว่า เป็นการเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายหรือไม่ และมีการขออนุญาตทำงานแบบแอบแฝงหรือไม่ อย่างการขออนุญาตทำงานเป็นแม่บ้าน แต่มาทำงานด้านการขายบริการแทน เป็นต้น
“ด่านนอกแห่งนี้ถูกทำให้เป็นอาณาจักรนอกกฎหมายมานานแล้ว อยากจะเห็นการใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหาความฟอนเฟะที่เกิดขึ้น ผมจึงอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ทำเมืองชายแดนแห่งนี้ให้ถูกต้อง เหมือนกับการจัดระเบียบสถานที่อื่นๆ ด้วย” พลเมืองดีที่เข้าร้องเรียนสื่อกล่าวตบท้าย