รอยเตอร์ - โรงแรมในพม่ายกเลิกการฉายภาพยนตร์ขององค์กรรณรงค์เพื่อความโปร่งใส Global Witness อย่างกะทันหันในวันนี้ (17) ภาพยนตร์ที่วิพากษ์วิจารณ์บทบาทของทหารในธุรกิจหยกที่ทำกำไรงาม และผลกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ
การยกเลิกฉายภาพยนตร์ดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงความอ่อนไหวเกี่ยวกับการนำเสนอภาพของกองทัพ ในขณะที่พม่ากำลังต่อสู้ดิ้นรนกับมรดกตกทอดจากการปกครองของทหารที่ยาวนานเกือบ 50 ปี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนที่การประชุมสันติภาพกำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า การเจรจาหารือระหว่างอองซานซูจี ทหาร และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ที่บางกลุ่มยังต่อสู้กับรัฐบาลกลางเรียกร้องการปกครองตนเอง
โรงแรมแห่งหนึ่งในนครย่างกุ้ง มีกำหนดจัดงานฉายภาพยนตร์พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของเอ็นจีโอ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานกลับได้รับการบอกกล่าวจากเจ้าหน้าที่โรงแรมว่างานจะไม่มีการจัดต่อ
“เราเสียใจที่เราไม่สามารถฉายหนังได้ เพราะจำเป็นต้องมีใบอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลเขตย่างกุ้ง” พอล โดโนวิตซ์ หัวหน้าองค์กร Global Witness ประจำพม่าอ่านคำแถลงฉบับหนึ่งของโรงแรมพาร์ครอยัล
ยังไม่ชัดเจนว่ากฎระเบียบใดที่โรงแรมอ้างถึง และรอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อโฆษกรัฐบาลเพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้
ด้านสมาชิกฝ่ายขายและการตลาดของโรงแรม กล่าวต่อรอยเตอร์โดยอ้างถึงคำแถลงก่อนหน้านี้ว่าการตัดสินใจเกิดขึ้นจากผู้จัดการของโรงแรม
แม้การเมืองของพม่าจะเปลี่ยนแปลงในเดือน เม.ย.2559 แต่กองทัพยังคงกุมอำนาจทางการเมือง ควบคุมกระทรวงด้านความมั่นคง และครองที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภา
และถึงแม้ Global Witness จะไม่ได้ฉายภาพยนตร์เรื่อง “Jade and the Generals” แต่ก็เปิดให้รับชมทางออนไลน์
ภาพยนตร์ดังกล่าวเน้นให้เห็นถึงบทบาทของทหารในการทำเหมืองหยกในรัฐกะฉิ่น และเรียกร้องให้รัฐบาลซูจี กำหนดกฎระเบียบการแบ่งกำไรจากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และลดความตึงเครียดในพื้นที่
พม่ามีกฎหมายหมิ่นประมาทที่ผู้ตรวจสอบสิทธิกล่าวว่า เป็นการควบคุมเสรีภาพในการแสดงความเห็น และใช้ปราบปรามนักกวี และนักข่าว แม้ซูจี จะเข้ากุมอำนาจปกครองประเทศก็ตาม
“ในสังคมประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามจะมีพื้นที่ในการหารือประเด็นปัญหาสำคัญระดับชาติ หากไม่เปิดพื้นที่ให้มีการถกเถียง ก็จะเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญที่ซับซ้อน” โดโนวิตช์ กล่าวแถลงข่าวที่จัดขึ้นแทนการฉายภาพยนตร์
การค้าหยกของพม่ามีมูลค่าประมาณ 31,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2557 หรือราวครึ่งหนึ่งของ GDP ตามรายงานของ Global Witness ในปี 2558 ซึ่งระบุรายละเอียดว่าครอบครัวทหาร เจ้าพ่อยาเสพติด และกิจการต่างๆ ได้ประโยชน์จากการค้าหยกนี้.