ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผยความคืบหน้าคดี “ลุกมาน มะดิง” ระบุผลสอบปากคำผู้ให้ที่พักพิงรับสารภาพ เป็นแนวร่วมกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบ โดยมีหน้าที่จัดเก็บเงินสนับสนุนของกลุ่มขบวนการ
วันนี้ (8 ก.ค.) พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุม นายลุกมาน มะดิง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย ณ บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา เป็นเหตุให้ นายลุกมาน มะดิง เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน คือ นายสือดี มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ เซ็งกะจรี มาทำการซักถามเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อ 30 มิถุนายน 2560 ในการนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงความคืบหน้าให้ทราบดังนี้ คือ
1.ผลจากการซักถาม นายสือดี มาหะมะ ในขั้นต้นให้การยอมรับว่า เป็นแนวร่วม มีหน้าที่จัดเก็บเงินรายเดือนจากสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ และให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะ นายลุกมาน มะดิง ได้เคยมาพักพิงที่บ้านแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องคดีตามกฎหมาย โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2560 ศาลจังหวัดยะลา ได้มีคำสั่งพิพากษาตัดสินลงโทษให้จำคุก นายสือดี มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ เซ็งกะจรี ซึ่งได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ให้ที่พักพิงแก่ นายลุกมาน มะดิง ที่เสียชีวิตจากการปะทะจริง จึงให้ลดโทษเหลือจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ตามคดีดำที่ 1980/2560 และคดีแดงที่ 1972/2560 ลง 7 กรกฎาคม 2560
2.จากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงมักจะเข้ามาอาศัยพักพิง และหลบซ่อนเพื่อเตรียมก่อเหตุความรุนแรงที่บ้านญาติ แนวร่วมและผู้ให้การสนับสนุน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะได้รับโทษในฐานให้ที่พักพิง ซึ่งได้กำหนดอัตราโทษสูงสุดให้จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาทแล้ว อาจได้รับโทษฐานเข้าไปมีส่วนร่วม หรือสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งมีอัตราโทษที่สูงขึ้นอีกด้วย จึงถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องให้ความสำคัญ และตระหนักถึงผลกระทบจากการให้ความช่วยเหลือหลบซ่อนพักพิง และให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงดังตัวอย่าง คำพิพากษาที่ปรากฏแล้ว ดังนั้น หากพบบุคคลแปลกหน้า หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในเขตที่พักของตน จะต้องรีบแจ้งให้ผู้นำท้องที่ หรือเจ้าหน้าที่รัฐได้รับทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
3.สำหรับผลคืบหน้าการตรวจพิสูจน์อาวุธปืน และปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ พบว่า เคยก่อเหตุมาแล้ว 5 เหตุการณ์ ตั้งแต่ปี 2555-2559 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐ และพี่น้องประชาชนได้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย ทรัพย์สินของทางราชการ และพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเครือญาติ แต่ นายลุกมาน มะดิง ได้ต่อสู้ขัดขืน จนเกิดการปะทะ และนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ดุลพินิจในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร เพื่อมิให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มองค์กร แนวร่วมที่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อ และบิดเบือนข้อเท็จจริง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ผ่านสายด่วนโทร.1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง