“บัณรส บัวคลี่” อดีตผู้สื่อข่าวของค่ายผู้จัดการ ที่ผันตัวเองไปเป็นนักเขียนนวนิยายจนได้รางวัลสุภัทร สวัสดิรักษ์จากเรื่อง รหัสลับตามพรลิงค์ เมื่อปี 2557 ... ล่าสุด นวนิยายเรื่องใหม่ของเขาชื่อเรื่อง “เงามังกร” วางจำหน่ายแล้ว
เราไปจับเขาคุยกับบัณรส เพราะเหตุว่า นวนิยายเรื่องนี้ได้หยิบเอาเหตุการณ์ชาวบ้านขุดพบทองคำโบราณที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2557 มาผูกขึ้นวางเนื้อหาเพื่อจะไขปริศนาที่มาของทองคำดังกล่าวนั้น โดยบอกว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์เมื่อ 600 กว่าปีก่อนครั้งที่เจิ้งเหอ นำกองเรือใหญ่ราชวงศ์หมิง ออกท่องมหาสมุทร
ถาม- ช่วยเล่าที่มาที่ไปหน่อยว่า จากเรื่องจริงกลายมาเป็นนิยายได้อย่างไร
ตอบ- ช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2557 มีข่าวฮือฮาชาวบ้านขุดพบทองคำทั้งต่างหู เครื่องประดับ รวมถึงทองคำแผ่นโบราณที่เขาชัยสน พัทลุง ผมสนใจข่าวชิ้นนี้มาก ติดตามอยู่สามสี่วัน ระหว่างนั้นก็มีคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาว่ามันมาจากไหน
บ้างก็ว่าเป็นพวกโจรปล้นทองที่เขาเตรียมไปถวายพระธาตุนครฯ ผมเองก็พลอยคิดตาม จากนั้นก็มีรายละเอียดข่าวลงลึกไปอีกว่าทองแบบแผ่นที่พบน่ะ มีตราประทับภาษาจีนด้วย อ่านแล้วผมก็นึกถึงเงินตราโบราณของจีนขึ้นมา จินตนาการก็เริ่มทำงานทันที เอ๊ะ...ทองของจีนข้ามทะเลมาถึงพัทลุงได้อย่างไร
คิดไปคิดมาชักสนุก เพราะความคิดของเราไปคว้าเอาเจิ้งเหอ ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ละแวกแถวนี้มาผูกโยงด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ เขียนเป็นนิยายเลยดีกว่า ว่าแล้วผมก็เขียนตอนที่หนึ่งลงในเฟซบุ๊ก เข้าใจว่าเป็นเดือนมิถุนายน 2557 นะครับที่โพสต์ครั้งแรกไป ถือว่าเร็วมาก โครงเรื่องผุดขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์จริงยังดำเนินอยู่เลย เขียนลงเฟซบุ๊กได้ห้าหกตอน ก้าวหน้าเร็วมาก เพราะไม่เกร็ง เขียนแบบนึกสนุก
ชื่อพระเอกที่เป็นนักข่าวก็คว้ามาจากน้องนักข่าวที่รู้จัก ชื่อคนในนิยายเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นคนจริงที่ผมแอบเอาชื่อมาบ้าง บุคลิกบ้างมาใส่แทบทั้งสิ้น เขียนได้หลายบท จนเริ่มรู้ตัวว่าถลำลึกลงไปแล้ว จะทิ้งก็เสียดายที่เขียน ครั้นจะเดินหน้าต่อรายวันมันก็จะชุ่ยเกินไป จากเขียนเล่นเอาสนุก เลยต้องเอาจริง ก้มหน้าก้มตาเขียนไปสามสี่เดือน เสร็จร่างแรก
ถาม - ร่างแรก แปลว่า ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีก
ตอบ- ร่างแรกเขียนเสร็จใจร้อน นึกว่าดีแล้ว พรินต์เข้าเล่มเอาไปให้คนโน้นคนนี้ดู ตอนนั้นผมเพิ่งได้รางวัลที่สามจากการประกวดนวนิยายของสกุลไทย (รางวัลสุภัทร สวัสดิรักษ์ - เรื่องรหัสลับตามพรลิงค์) มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก
แต่พอเอาให้พรรคพวกเพื่อนฝูงดู แต่ละคนมีส่ายหน้า มีติติง ผมก็ยังไม่เชื่อนะ พยายามหาทางจะพิมพ์ให้ได้... โชคดีที่ไม่ได้พิมพ์เพราะทิ้งเอาไว้พักหนึ่ง กลับมาอ่านอีกรอบมันไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ กว่าจะเคี่ยวเข็ญตัวเองให้มานั่งรื้อ เขียนใหม่ก็กินเวลาไปปีกว่า จนแล้วเสร็จ เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่จาก ขุมทองเขาชัยสน มาเป็น เงามังกร
ถาม - ขุมทองเขาชัยสน มันฟังเหมือนภาพยนตร์ไทยยุคเก่า
ตอบ- ก็กะจะให้อารมณ์คนอ่านนึกย้อนไปตามพล็อตแบบหนังไทยยุคเก่าจริงๆ บอกกันโต้งๆ เลยว่าเกี่ยวกับทอง และฟังเหมือนการแย่งชิงกัน จนเมื่อมาปรับรื้อใหม่ ดวงตาก็พลันเห็นธรรม ว่าชื่อเดิมมันฟังตลก ไร้รสนิยมทางวรรณกรรมจริงๆ นั่นแหละ เงามังกร ค่อยมีชั้นเชิงหน่อย
ถาม - เงามังกรเป็นนวนิยายแบบไหน อิงเรื่องจริง อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า based on true story หรือเปล่า?
ตอบ - ไม่น่าจะเรียกว่า based on true story ครับ มันเป็นจินตนาการเกือบทั้งหมด โดยมีเหตุการณ์จริงที่จังหวัดพัทลุงเป็นจุดเริ่มเท่านั้น ...เรื่องจริงมีแต่ส่วนเริ่มต้นเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องแต่งทั้งหมด คล้ายๆ แนวของแดน บราวน์ ผมชอบงานของเขา ใช้ฉากจริง เรื่องลึกลับที่คนเชื่อว่าจริง มาประกอบสร้าง
เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนแกะปมปริศนา เจ้าปริศนาที่ว่าก็บอกอยู่แล้วว่า ทองคำที่พบมาจากไหน ผมเอาไปโยงกับยุคของเจิ้งเหอ กว่าจะคลี่คลายได้มันก็ต้องมีเรื่องราวอยู่พอสมควร ต้องใช้วิชาความรู้ความสามารถไม่น้อย
ถาม - นวนิยายที่ได้รางวัลเรื่องแรก รหัสตามพรลิงค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนครศรีธรรมราช มาเรื่องนี้เกี่ยวกับพัทลุง มีอะไรพิเศษกับภาคใต้ เหมือนกับบัณรส หมกมุ่นอยู่กับประวัติศาสตร์ภาคใต้
ตอบ - พูดไปก็ตลก เชื่อไหม ตอนที่ผมนึกอยากเขียนนิยายครั้งแรก เมื่อราวปี 2549-2550 พยายามนึกพล็อตที่เกี่ยวกับเชียงใหม่ ตอนนั้นรหัสลับดาวินซี ของแดน บราวน์ เพิ่งออกใหม่ๆ ส่งอิทธิพลมากให้นึกอยากจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการถอดรหัส และเอาเรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์มาผูกขึ้นใหม่...
เมื่อมารวมกับแดจังกึม ที่กำลังดัง แดจังกึม นี่เรารู้ว่ามันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด สร้างสตอรี่มาขายวัฒนธรรมของเขา เราก็อยากสร้างอะไรแบบนี้มากระตุ้นบ้านเมืองเราบ้าง เร่งเร้าให้เกิดความอยากเขียนนิยายขึ้นมา เที่ยวค้นคว้า หามุมที่จะมาเขียน ไม่ง่ายหรอกครับ คนที่ไม่เคยเขียนนิยายมือใหม่ซิงๆ จู่ๆ จะคิดโครงเรื่องออกมามันไม่ง่าย ...ก็พอดีเกิดสงครามกีฬาสี สมองไม่เหลือให้คิดเรื่องบรรเจิดจินตนาการแล้ว เพราะมันเครียด มันเลยเว้นไว้อยู่หลายปีโดยอัตโนมัติ
รหัสลับตามพรลิงค์ เป็นยกที่สองของความคิดอยากเขียนนิยายเล่มออกมา ผมไม่ปิดบังว่า แดน บราวน์ ส่งอิทธิพลมาก และอยากเลียนตามแนวเขา เขาเอาเรื่องเล่าของคริสต์มาผูก ผมก็อยากเอาเรื่องเล่าของพุทธบ้านเรามาผูกรหัสบ้าง ผูกเอง แกะเอง ถอดรหัสเอง ก่อนจะลงตัวด้วยโครงเรื่องตามพรลิงค์ ผมก็งมอยู่นาน ไปเดินในสวนโมกข์คนเดียว ดูรหัส สัญลักษณ์ต่างๆ ที่โรงมหรสพทางวิญญาณ ที่สวนโมกข์จุดประกายประเด็นเรื่องมหายาน
จังหวะนั้นไปเที่ยวนครวัด เสียมเรียบ พอศึกษาเรื่องของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งนับถือพุทธวัชรยาน สร้างอะไรต่ออะไรตามแนวพุทธ แต่กษัตริย์องค์ต่อมากลับมานับถือพระเจ้าแบบพราหมณ์ตามเดิม ทุบทำลายวิหารพุทธเสียเละ ผมก็ปิ๊งเลย ได้โครงเรื่องรหัสลับตามพรลิงค์นับแต่บัดนั้น ใช้เวลาเขียนปีกว่าๆ ส่งเข้าประกวดรางวัลสุภัทร สวัสดิรักษ์ แล้วก็ได้ที่ 3 มา ดีใจมาก เพราะเป็นเรื่องแรก เขียนออกมาได้รางวัลเลย
ส่งต้นฉบับรหัสลับตามพรลิงค์ เดือนเมษายน 2557 คนที่เขียนอะไรต่อเนื่องมาเป็นปีแล้วจู่ๆ ว่างงาน มันยังคันไม้คันมืออยู่ พอดีเกิดเหตุการณ์ขุดพบทองคำเดือนพฤษภาคม เครื่องจักรยังร้อนอยู่ คุณเข้าใจไหม ทุกอย่างลื่นไปหมด ทั้งความคิด รูปแบบนำเสนอ แนวเรื่อง แล้วก็ออกมาเป็นนิยายเล่มที่สอง ขุมทองเขาชัยสน - เงามังกรเล่มนี้
ถาม - เมื่อกี้กล่าวถึงแดจังกึม บอกว่ามันเป็นเรื่องสร้างขึ้นมาเพื่อโปรโมตวัฒนธรรม ทำให้อยากเขียนนิยาย ช่วยเล่าเพิ่มอีกนิด
ตอบ - แดจังกึม ทำให้เราต้องย้อนมาดูตัวเอง เพราะเกาหลีที่จริงไม่มีอะไรเลย อาหารของเขาพื้นๆ ไม่ซับซ้อน แค่ต้มปิ้งย่าง แต่เขาก็ยกระดับสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาด้วยแดจังกึม จากนั้นอาหารเกาหลีก็บูมเลย ผมคิดว่าวัตถุดิบ ทรัพยากร และเรื่องราวน่าสนใจของท้องถิ่นต่างๆ
บ้านเราอุดมสมบูรณ์กว่าเกาหลีเยอะ มันน่าจะถูกหยิบขึ้นมาประกอบสร้างแบบเท่ๆ จะเป็นนิยาย หนังสั้น คลิปสารคดี อะไรก็ได้ที่โดนขึ้นมา แล้วชวนให้ผู้คนสนใจอยากตามไปดู อย่างในรหัสลับตามพรลิงค์ ผมพยายามจะแทรกตำนานพื้นบ้านรอบๆ เขาหลวงเข้าไป หรือจุดประเด็นเรื่องชื่อบ้านนามเมืองว่ามาจากภาษาเขมรโบราณ ก็เพื่อให้คนได้ถกเถียงกันต่อ กลายเป็นความสนใจขึ้นมา
พูดตามตรง ... ผมคิดว่า สังคมไทย โดยเฉพาะชาวภาคใต้เองยังสนใจเรื่องทองคำพัทลุงน้อยไปนะครับ ทองคำใบที่พบเป็นเงินตราโบราณยุคซ่ง ก่อนมองโกลคือ ก่อน พ.ศ.1800 แน่ๆ อย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์นี้น่าจะจุดประกายให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนรู้ให้กว้างขวางออกไป ต่อให้เราจะหาคำตอบสุดท้ายที่ชัดเจนว่ามันมาได้อย่างไร แต่ก็ยังพอทำให้ผู้คนได้เข้าใจว่าภาคใต้ในยุคสมัยนั้นมันเชื่อมเกี่ยวสัมพันธ์กับโลกภายนอกอย่างไร
คนปักษ์ใต้รู้เรื่องตัวเองน้อยไปหน่อยนะ ผมว่า เพราะเราถูกหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ให้ท่องจำเรื่องสุโขทัย อยุธยา ซึ่งเพิ่งเริ่มเอาตอน พ.ศ.1800 นี่เอง ขณะที่ภาคใต้มีหลักฐานมากมายที่เก่าแก่กว่านั้น มีอะไรมันๆ น่าสนใจมากของภาคใต้ที่ยังไม่มีการคลี่คลายออกมา อย่างเช่น เมื่อก่อนสมัยศรีวิชัย ตามพรลิงค์ ลังกาสุกะ นับถือพุทธมหายาน-เทพแบบฮินดูกัน เอ๊ะ แล้วมันมาเปลี่ยนเป็นพุทธหินยานเอาตอนไหน
ระหว่างการเปลี่ยนผ่านมีเหตุอะไรบ้าง เอ๊ะ จีนมีบทบาทแบบไหนในภาคใต้ เพราะส่วนใหญ่เรามักจะพูดถึงลังกา และอินเดียผ่านความเชื่อเรื่องศาสนา ทองคำพัทลุง นี่เป็นโอกาสอันงามเลยที่จะทำให้คนฉุกคิดถึงเรื่องราวของถิ่นฐานบ้านเกิดตัวเอง ผมเป็นคนปักษ์ใต้นะครับแม้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ภาคเหนือก็ยังเป็นคนใต้
ถาม - จะมีผลงานเล่มต่อไปเมื่อไหร่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
ตอบ- ตอนแรกแปลนเอาไว้ว่าจะมีเล่มที่ 3 มีโครงคร่าวๆ เอาไว้ในใจแล้ว เกี่ยวกับ แม่น้ำโขง หลวงพระบาง เชียงราย ธีมก็คล้ายๆ สองเรื่องแรก เรื่องราวของคนปัจจุบันที่ต้องไขรหัสปริศนาที่เกี่ยวข้องกับอดีต ... ได้คำตอบกับตัวเองว่า ผมเขียนเป็นแต่แนวนี้ไปแล้ว ชอบอะไรแบบไหนก็เขียนออกมาตามแนวแบบนั้น
แต่มาดูสถานการณ์ตลาดหนังสือบ้านเรามันเหี่ยวแห้งนะ ทำเอาใจหดหู่ งานเขียนน่ะมันจะหลั่งไหลตอนอารมณ์ฟู เขียนแล้วสนุกกับมัน จินตนาการบรรเจิด อย่างเล่มเงามังกรนี่เขียนด้วยความสนุกกับมันจริงๆ ไม่เคยคิดว่าเป็นภาระ ไม่เหมือนเล่มแรก ไม่เคยเขียน เกร็ง เขียนได้ช้ามาก ... เอาเป็นว่าถ้าเงามังกรได้รับการตอบรับที่ดีมันก็จะเป็นกำลังใจให้อยากเขียนเล่มสามเอง ตอบนี้ดีกว่า ไม่มัดตัวเองดี