ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พ่อเมืองภูเก็ต ประชุมหารือแนวทางปรับปรุงพัฒนาประตูเมืองภูเก็ต (Phuket Gateway) ให้เป็น Land Mark แห่งใหม่ พร้อมให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว และเปิดจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของดีภูเก็ต หลังไม่สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่คุ้มค่าต่องบประมาณที่ก่อสร้าง
ที่ห้องประชุมประตูเมืองภูเก็ต (Phuket Gateway) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาประตูเมืองภูเก็ต (Phuket Gateway) ให้เป็น Land Mark แห่งใหม่ โดยมี นายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ นายอำเภอถลาง ผู้แทนแขวงทางหลวงภูเก็ต ผู้แทนโยธาธิการจังหวัด นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า Phuket Gateway ถือเป็นสถานที่สำคัญ แต่เหมือนถูกปล่อยทิ้งใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงพัฒนา และยกระดับสถานที่ดังกล่า ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภูเก็ต ที่สามารถให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มีเส้นทางเดินรถเข้า-ออกที่สะดวก ปลอดภัย มีจุดถ่ายรูป และสร้างจุดสนใจที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ต เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักของประชาชน และนักท่องเที่ยว
ตลอดจนเป็นจุดพักรถให้บริการนักท่องเที่ยว โดยปรับปรุงพื้นที่บริเวณประติมากรรม ตกแต่งให้สวยงามด้วยเต่า และไข่เต่า รวมทั้งการพัฒนาตัวอาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจนเปิดเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในชุมชน ของดีภูเก็ต เช่น ผ้าบาติก ไข่มุก ของที่ระลึก สับปะรด พืชผักผลไม้ต่างๆ จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับอาคารประตูเมืองภูเก็ต หรือ Phuket Gateway องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ก่อสร้างเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2550 บนพื้นที่ 25 ไร่ ที่บ้านท่าฉัตรไชย มีจุดเด่นของอาคารแห่งนี้ คือ เสาประติมากรรมเรียงรายเป็นแนวยาว 29 ต้น ตามแนวคิดว่า เลข 2 คือ ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร 2 วีรสตรีของชาวภูเก็ต ส่วนเลข 9 มีนัยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ บนเสาทั้ง 29 ต้นนี้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของภูเก็ต ผ่านข้อมูลที่จารึกอยู่บนเสา ซึ่งได้เรียงร้อยเรื่องราวต่างๆ ของภูเก็ต ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองจากการทำเหมืองแร่ดีบุก การทำเกษตรกรรม จนถึงยุคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และยังมีประติมากรรมบ้านและชีวิต สื่อเป็นรูปกระดองเต่าทะเลกับไข่ขนาดใหญ่หลายฟองด้านหน้าอาคาร โดยฝีมือของศิลปินเอก ศาสตราจารย์ธนะ เลาหกัยกุล
นอกจากประตูเมืองภูเก็ต ยังมีศูนย์ให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มินิเธียเตอร์ สำหรับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับภูเก็ต สารคดีท่องเที่ยว มีมุมสบาย โกปี้คอนเนอร์ เพื่อดื่มชมกาแฟ ขนมพื้นบ้านอร่อยๆ และซื้อของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพจากทั่วเมืองไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดีไซน์ของภูเก็ต ผ้าบาติก ไข่มุก อาหารแปรรูป และชิ้นงานศิลปะต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีบริการห้องสมุดพร้อมการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตเพื่อการท่องเที่ยว
แต่ปัจจุบันพบว่า ประตูเมืองภูเก็ต ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่วางวัตถุประสงค์ไว้ เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการเข้าถึง และการบริหารจัดการ ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ใช่จุดที่เป็นจุดหมายในการแวะเข้าไปพักรถ หรือท่องเที่ยวที่บริเวณดังกล่าว
ที่ห้องประชุมประตูเมืองภูเก็ต (Phuket Gateway) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาประตูเมืองภูเก็ต (Phuket Gateway) ให้เป็น Land Mark แห่งใหม่ โดยมี นายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ นายอำเภอถลาง ผู้แทนแขวงทางหลวงภูเก็ต ผู้แทนโยธาธิการจังหวัด นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า Phuket Gateway ถือเป็นสถานที่สำคัญ แต่เหมือนถูกปล่อยทิ้งใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงพัฒนา และยกระดับสถานที่ดังกล่า ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภูเก็ต ที่สามารถให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มีเส้นทางเดินรถเข้า-ออกที่สะดวก ปลอดภัย มีจุดถ่ายรูป และสร้างจุดสนใจที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ต เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักของประชาชน และนักท่องเที่ยว
ตลอดจนเป็นจุดพักรถให้บริการนักท่องเที่ยว โดยปรับปรุงพื้นที่บริเวณประติมากรรม ตกแต่งให้สวยงามด้วยเต่า และไข่เต่า รวมทั้งการพัฒนาตัวอาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจนเปิดเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในชุมชน ของดีภูเก็ต เช่น ผ้าบาติก ไข่มุก ของที่ระลึก สับปะรด พืชผักผลไม้ต่างๆ จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับอาคารประตูเมืองภูเก็ต หรือ Phuket Gateway องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ก่อสร้างเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2550 บนพื้นที่ 25 ไร่ ที่บ้านท่าฉัตรไชย มีจุดเด่นของอาคารแห่งนี้ คือ เสาประติมากรรมเรียงรายเป็นแนวยาว 29 ต้น ตามแนวคิดว่า เลข 2 คือ ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร 2 วีรสตรีของชาวภูเก็ต ส่วนเลข 9 มีนัยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ บนเสาทั้ง 29 ต้นนี้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของภูเก็ต ผ่านข้อมูลที่จารึกอยู่บนเสา ซึ่งได้เรียงร้อยเรื่องราวต่างๆ ของภูเก็ต ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองจากการทำเหมืองแร่ดีบุก การทำเกษตรกรรม จนถึงยุคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และยังมีประติมากรรมบ้านและชีวิต สื่อเป็นรูปกระดองเต่าทะเลกับไข่ขนาดใหญ่หลายฟองด้านหน้าอาคาร โดยฝีมือของศิลปินเอก ศาสตราจารย์ธนะ เลาหกัยกุล
นอกจากประตูเมืองภูเก็ต ยังมีศูนย์ให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มินิเธียเตอร์ สำหรับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับภูเก็ต สารคดีท่องเที่ยว มีมุมสบาย โกปี้คอนเนอร์ เพื่อดื่มชมกาแฟ ขนมพื้นบ้านอร่อยๆ และซื้อของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพจากทั่วเมืองไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดีไซน์ของภูเก็ต ผ้าบาติก ไข่มุก อาหารแปรรูป และชิ้นงานศิลปะต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีบริการห้องสมุดพร้อมการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตเพื่อการท่องเที่ยว
แต่ปัจจุบันพบว่า ประตูเมืองภูเก็ต ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่วางวัตถุประสงค์ไว้ เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการเข้าถึง และการบริหารจัดการ ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ใช่จุดที่เป็นจุดหมายในการแวะเข้าไปพักรถ หรือท่องเที่ยวที่บริเวณดังกล่าว