xs
xsm
sm
md
lg

พิษเศรษฐกิจ! แม่ค้าในปัตตานีครวญยอดขายตก แม้ช่วงใกล้เทศกาลฮารีรายอยังเงียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ปัตตานี - บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเมืองปัตตานี โอดครวญยอดขายตกอย่างหนัก แม้ช่วงใกล้เทศกาลฮารีรายอยังคงเงียบเหงาผู้คน เชื่อเศรษฐกิจซบเซาพ่นพิษไปทั่ว เนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

วันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเทศกาลถือศิลอดของชาวไทยมุสลิม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ในปีนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะประชาชนในพื้นที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างประหยัดมากขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจขาลง ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่รวมมาบรรจบกันทำให้ประชาชนมีรายได้น้อย และบางรายถึงกับไม่มีรายได้เลย ไม่ว่าจะมาจากปัญหาราคายางตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่องหลายปี บวกกับปีนี้เกิดภาวะฝนตกชุก ทำให้ชาวสวนยางไม่สามารถออกมากรีดยางได้ การบังคับใช้กฎหมายต่อธุรกิจผิดกฎหมายที่มีอยู่ทั่วไปตามตะเข็บชายแดน การบังคับใช้กฎหมายต่อเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งแต่ละประเภทมีผู้ที่เคยได้รับผลประโยชน์ เป็นรายได้หลักในการดำรงชีพเลี้ยงครอบครัว ทำให้คนเหล่านั้นกลับไม่มีรายได้เลย เพราะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่

นอกจากนั้น ในสังคมปัจจุบันประชาชนทุกประเภทสาขาอาชีพ ต่างมีค่านิยม หรือเป็นประเภทบริโภคนิยม ทั้งๆ ที่รายได้ไม่มั่นคง เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างคุณภาพต่ำ ไม่ต่างกับคนหาเช้ากินค่ำ แต่กลับมีค่านิยมบริโภคสูง ทำให้รายได้ที่มีอยู่ต้องไปหมดวัตถุนิยมโดยไร้ขอบเขต เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ การเข้าบริการอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้น ล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องหมดไป ไม่ต่างอะไรกับเอาเงินไปเผากลางอากาศ จะเห็นได้ว่าในพื้นที่มีการเปิดร้านจำหน่ายเครื่องใช้โทรศัพท์มือถือเกิดขึ้นยังกับดอกเห็ด ทั้งนี้ ล้วนแต่เป็นปัญหารายรับกับรายจ่ายของประชาชนในพื้นที่ในระยะยาวได้ในอนาคต ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้ารายได้ของประชากรสูงเหมือนยังกับประเทศที่พัฒนา อาจไม่กระทบกระเทือนจากภาวการณ์บริโภคนิยมดังกล่าว

ในช่วงเทศกาลถือศิลอด และของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดการออกมาจับจ่ายซื้อข้าวของเป็นไปอย่างคึกคักเป็นประจำทุกปี การเดินตลาดจะเห็นในสภาพผู้คนต้องเดินเบียดกัน แต่ปีนี้กลับเงียบเหงา แม่ค้าต้องร้องครวญหาลูกค้า ถึงกับแม่ค้าพูดว่า “ในตลาดช่วงนี้จัดแข่งบอลได้เลย” เพราะคนเดินตลาดน้อยอย่างเห็นได้ชัด
 

 
นางปาตีเมาะ ดอเลาะ แม่ค้าขายเนื้อวัวประจำตลาดสดเทพวิวัฒน์ กล่าวว่า ตั้งแผงขายเนื้อมานานรวม 10 กว่าปี ไม่เคยเจอกับภาวะย่ำแย่อย่างนี้มาก่อนในห่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา มาปีนี้ยิ่งแย่กว่าอีก ยอดขายเนื้อตกไปเกือบเท่าตัว จึงทำให้มีรายได้ลดลงอย่างมาก พอเป็นค่าใช้จ่ายรายวันเท่านั้นเอง นี่เป็นคนค้าขายมานานจึงประคับประคองไม่ให้ล้ม แต่สำหรับคนค้ารายใหม่อย่าหวังเลยว่าจะอยู่รอด

“ร้านซูโม” เป็นร้านค้าคนเชื้อสายจีน ที่มีลูกน้องเป็นคนมุสลิมในพื้นที่เปิดจำหน่ายร้องเท้า กล่าวว่า ช่วงนี้ยอดขายลดลงเป็นอย่างมากมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร จนถึงวันนี้ยอดขายไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งปีนี้เงียบเหงาเป็นพิเศษ ตลาดโล่ง คนเดินไม่ต้องเบียด ปกติแล้วช่วงเดือนถือศิลอดและใกล้กับเทศกาลวันฮารีรายอ ในพื้นที่จะคึกคักเป็นพิเศษ คนจะเดินเบียดกันมาก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ร้านค้าจำหน่ายเครื่องประดับประเภททองชุบ กล่าวว่า แม่ค้าส่วนใหญ่มาจาก จ.อยุธยา ตีรถมาจำหน่ายเฉพาะช่วงเทศกาลของพี่น้องมุสลิมที่นี่ โดยเฉพาะใกล้เทศกาลฮารีรายอจะมีลูกค้าเดินชมซื้อกันเป็นจำนวนมาก ไว้ประดับอวดโฉมตัวเองในวันฮารีรายอ หรือไม่ก็ซื้อฝากให้ลูกหลานสวมใส่ในเทศกาลเฉลิมฉลองวันฮารีรายอ เพราะเทศกาลฮารีรายอพี่น้องมุสลิมนิยมแต่งตัวสวมเครื่องประดับอย่างสวยงาม จึงทำให้ยอดขายคึกคัก แต่ปีนี้กลับเงียบเหงา
 

 
ไม่เว้นแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะพิษเศรษฐกิจเช่นกัน นายอับดุลเราะห์มัน ยูโซะ กล่าวว่า วันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ผู้คนไม่รู้หายไปไหนกันหมด เงียบมาก ไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้บริการ วันนี้จะได้หนึ่งร้อยบาทก็แสนลำบาก เพราะไม่มีลูกค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะปัญหาระบบเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปีนี้แย่กว่าปีที่ผ่านมานั้น เพราะนอกเหนือจากภาวการณ์บังคับใช้กฎหมาย การห้ามทำประมงผิดกฎหมาย ยางราคาตกต่ำแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเงินริงกิตของมาเลเซีย ที่ต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้รายได้ของพี่น้องประชาชนที่ไปทำงานเปิดร้านอาหารต้มยำกุ้ง แม้กระทั่งลูกน้องร้านอาหารต้มยำกุ้ง ต่างได้รับผลกระทบจากค่าเงินริงกิตที่ต่ำกว่าเงินบาทไทย ทำให้เมื่อแลกเปลี่ยนต้องขาดทุน จึงทำให้บรรดาผู้ประกอบการเลือกไม่กลับมาช่วงเทศกาลฯ

นี่จึงอาจเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำการค้าขายทุกอย่างในพื้นที่เกิดภาวะซบเซา เพราะผู้คนเหล่านี้มักจะกลับมาเยี่ยมครอบครัว และเฉลิมฉลองกับครอบครัวช่วงใกล้เข้าเทศกาลวันฮารีรายอ หรือช่วงปลายเดือนเทศกาลถือศิลอด ซึ่งจำนวนคนไทยที่ไปทำงานฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนเกือบ 3 แสนคน เมื่อคนเหล่านี้มาย่อมทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ แต่เมื่อคนเหล่าเลือกไม่กลับ จึงทำให้เกิดภาวะตรงกันข้ามอย่างที่เห็นนี้
 
กำลังโหลดความคิดเห็น