ยะลา - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เผยหลังประชุม เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอใจผลการตั้ง คปต.ส่วนหน้า ในการร่วมแก้ไขปัญหา
วันนี้ (15 มิ.ย.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดยะลาในครั้งนี้เพื่อรับทราบแผนการปฏิบัติในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางการคมนาคมทางบก หรือถนน ทางเรือ รวมทั้งขนส่งทางอากาศ ที่เรื่องเหล่านี้เป็นส่วนการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในครั้งนี้ก็มีโอกาสได้รับทราบข้อมูลในภาพรวมที่เตรียมการเอาไว้ในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยท่านผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ได้ให้ข้อมูล และชี้แจงในเรื่องต่างๆ ให้รับทราบ ลำดับความเร่งด่วน แผนงานต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านเส้นทาง และขนส่ง
หลังจากรับทราบข้อมูลแล้ว ทางฝ่ายคณะผู้แทนพิเศษก็จะรวบรวมไปนำเสนอยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างประเทศ ในพื้นที่ของสุไหงโก-ลก ที่จะต้องผลักดันให้เกิดการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ทั้ง 2 จุด ที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น ในเรื่องของสนามบินเบตง ที่ได้เริ้มก่อสร้างแล้ว นอกจากนั้น ก็จะมาดูในเรื่องของการขนส่งทางทะเล ที่ทางท่านผู้ว่าราชการปัตตานี ได้นำเสนอมา ก็จะลงไปดูความเป็นไปได้ที่เกี่ยวกับท่าเรือน้ำลึกต่อไป
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ยังกล่าวอีกว่า ข้อมูลเหล่านี้ที่ทางคณะผู้แทนพิเศษฯ ได้รับทราบ ก็จะนำกลับไป และพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งนี้ โครงการบางโครงการก็มีแผนแล้วว่าจะดำเนินการในปีใด จะทำอะไรบ้าง แต่ในบางเรื่องมีความสำคัญเร่งด่วน อย่างเช่นเรื่องถนนที่มีแผนในปี 2562-2564 จะเป็นไปได้ไหมที่จะปรับเป็นปี 2561-2562 ที่จะมีการเร่งรัดประสานงานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้เป็นไปตามความต้องการของพี่น้องประชาชน ตามความสำคัญก่อนหรือหลัง
“สำหรับการประเมินการทำงานของ คปต.ส่วนหน้า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการประเมินกันไปแล้ว รวมทั้งได้ส่งรายงานผลการประเมินไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ด้วยเช่นกัน โดยภาพรวมผลการประเมินอยู่ในขั้นดีทุกกลุ่มงาน ยกเว้นกลุ่มงานที่ 1 ที่ประเมินได้ปานกลาง ซึ่งยอมรับได้เนื่องจากเป็นเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งภาพรวมแล้วก็ประเมินอยู่ในขั้นดี รวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
