ตรัง - คืบหน้าเด็กแฝดสองพี่น้อง 7 ขวบ ต้องขึ้นปีนรั้วไปโรงเรียนยังไร้ทางออก พบเป็นปัญหาสะสมขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านติดกัน จนถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติด ต่างฝ่ายไม่ยอมรอมชอมใดๆ รอศาลชี้เป็นที่สาธารณะหรือไม่
วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เด็ก ป.1 สองพี่น้องฝาแฝด คือ ด.ช.อดิศร กิ้มเฉี้ยง หรือน้องเพชร และ ด.ญ.ศรสวรรค์ กิ้มเฉี้ยง หรือน้องพลอย อายุ 7 ขวบ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 39 ตรัง ถูกกั้นกำแพงดักลวดหนามปิดกั้น ต้องปืนข้ามรั้วไปโรงเรียนทุกวัน โดยก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง นายสมปอง พ่วงพูล กำนันตำบลนาเมืองเพชร ทำให้ทราบว่า พื้นที่บริเวณตรงนี้ได้เกิดข้อพิพาทกันมานานแล้ว
ข้อเท็จจริงเมื่อปี 2552 นายดุสิต คีรีรัตน์ ได้อุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะขนาดความกว้าง 3 เมตร ยาว 100 เมตร ให้เป็นของหลวง ต่อมา ทราบว่า นายดุสิต ได้แลกที่ดินกันด้วยวาจากับ นางนงค์เยาว์ วงศ์ชู จึงได้มีการปลูกต้นชา และนำตาข่ายมากั้น และตัดถนนเข้าบ้าน เนื่องจากมีเหตุทะเลาะกับบ้านของแม่เด็กแฝดทั้ง 2 คน จนถูกปิดทางเข้าออกบ้านเช่นกัน ส่วนที่ดินอีกด้านบริเวณกั้นกำแพงเป็นของ นางแพร้ว คีรีรัตน์ นั้นถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายเพราะมีโฉนดที่ดิน
โดย นายสมปอง พ่วงพูล กำนันตำบลนาเมืองเพชร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตน และปลัดอำเภอสิเกา เคยลงมาหาทางแก้ปัญหาแล้ว แต่ไม่เป็นผล ต่อมา น.ส.จิราภรณ์ ชูชีพ ครอบครัวที่ถูกปิดทางเข้าออก ได้ว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องเพิกถอน แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ ต้องให้ทางอำเภอสิเกา หรือเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร มาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเพื่อเอาเส้นทางสาธารณะคืน เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน สิ่งสำคัญคือ เด็กนักเรียนทั้ง 2 คน และครอบครัวต้องมีทางเดิน ซึ่งตนเชื่อว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ แต่ยังไม่สำเร็จ
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายสมเกียรติ ดวงมณี นายอำเภอสิเกา นายสมปอง พ่วงพูล กำนันตำบลนาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีเจ้าของที่ที่อยู่ติดกันรอบด้าน คือ ทั้งในส่วนของ นางนงเยาว์ วงศ์ชู พร้อมญาติ และนางแพร้ว คีรีรัตน์ เจ้าของที่ดินที่ปิดกั้นรั้ว พร้อมลวดหนาม และชาวบ้านใกล้เรือนเคียงจำนวนหนึ่งมารอเฝ้าติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อยเมื่อระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ได้มาพบหน้ากัน
นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยเบื้องต้น เจ้าของพื้นที่ที่แท้จริงต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา การจะให้ตนเองมาสั่งการรื้อกำแพงทันทีคงเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาก็มีมานาน และที่ดินก็มีผู้ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเรื่องไปถึงชั้นศาลแล้วก็รอให้ศาลตัดสิน หลังจากนั้น ค่อยมาว่ากัน ส่วนปัญหาของเด็กทั้ง 2 คน ที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงเรียนได้ ก็ต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อน อาจจะไปขออาศัยอยู่บ้านญาติที่อื่น ระหว่างที่รอให้ผู้ใหญ่เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
