สตูล - ชาวประมงบ้านตะโละใส จับ “ปูไข่” มาใส่ธนาคารปู สร้างจุดเริ่มต้นเพื่อความยั่งยืนของประมงพื้นบ้านอ่าวปากบารา จ.สตูล พร้อมทั้งหวังปลุกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรของท้องถิ่น
วันนี้ (7 มิ.ย.) นับวันชาวประมงบ้านตะโละใส ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ต้องออกเรือหาปลา และสัตว์น้ำต่างๆ ห่างไกลจากฝั่งมากขึ้น เพราะปริมาณสัตว์น้ำในท้องทะเลมีจำนวนลดลง จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และผลกระทบจากการทำประมงที่เห็นแก่ได้ โดยเฉพาะเรือประมงที่มาจากถิ่นอื่น
หากไม่ทำอะไรเลย สถานการณ์คงจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ชาวประมงพื้นบ้านในย่านนี้จึงรวมตัวกัน ดำเนินโครงการ “เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำปากอ่าวบารา” โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจัดตั้ง “ธนาคารปูม้า บ้านตะโละใส” เพื่อสร้างพื้นที่ในการมีส่วนร่วมของชาวประมงในชุมชนเป็นเบื้องแรก
ในฐานะผู้ที่ทำประมงออกเรือมาตลอดชีวิต นายอัสรีย์ หมีนหวัง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านปากน้ำ สังเกตว่า ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลปากอ่าวบารา ได้รับผลกระทบจากการทำประมงรูปแบบต่างๆ ทั้งอวนตาถี่ เรือประมงขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือประมงแบบทำลายล้าง กวาดเอาสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นมาด้วย และจากการที่สัตว์น้ำถูกรบกวนตลอดเวลาแทบไม่มีเวลาวางไข่ จึงได้หารือกันในหมู่ชาวประมง ว่า น่าจะหาทางช่วยให้สัตว์น้ำได้มีโอกาสขยายพันธุ์ เพิ่มจำนวนสัตว์น้ำที่หายไป โดยเริ่มจากการรับบริจาคแม่พันธุ์ปูม้าที่มีไข่จากสมาชิกชาวประมงรายละ 2 ตัว เมื่อนำไข่มาเพาะเลี้ยงปล่อยลูกปูสู่ท้องทะเลแล้ว ก็จะนำแม่พันธุ์คืนเจ้าของ หรือชาวประมงรายใดจะให้ธนาคารนำไปขายเพื่อหารายได้มาดูแลธนาคารปูก็ยินดี
“เรามาคิดกันว่าทำอย่างไรให้เกิดธนาคารปู เพราะทุกวันนี้ปูหายากขึ้น ก็เลยคุยกับพี่น้องเรือประมงที่ทำไซปู 50 ลำ ถ้าได้แม่ปูไข่มาก็ขอรับบริจาครายละ 2 ตัว ฟักไข่เสร็จก็เอาคืนไป ก็ได้มีสมาชิกสมาคมฯ ของเราให้ความร่วมมือดี ตอนนี้ขยายไปพื้นที่อื่น ต.แหลมสน ก็มีฝากมาด้วย”
นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านปากน้ำ เห็นว่า การจัดตั้งธนาคารปูม้า เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในกิจกรรมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ที่มากไปกว่านั้นคือ การผลักดันให้เกิดเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน เจรจาทำข้อตกลงกับนายกสมาคมเรือพาณิชย์ ไม่ให้เข้ามาในแนวอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ตั้งแต่เกาะเขาใหญ่ เกาะตะรุเตา เกาะสิงห์ เกาะโกยใหญ่ เกาะบรัคมานา ไปสุดเขตใกล้รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ภายใต้การดูแลของประมงจังหวัดสตูล และแสวงหาความร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
นอกจากจะดำเนินงานจัดตั้งธนาคารปูม้าแล้ว ยังดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อสร้างจิตสำนึก และสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งการทำ “บ้านปลา” หรือ “ซั้งกอ” ร่วมกับหน่วยงานอนุรักษ์ใต้น้ำ สมาคมรักษ์ทะเลไทย ช่วยกันดูแลเพื่อให้สัตว์น้ำเป็นที่พักอาศัย โดยชักชวนเยาวชนในพื้นที่ให้เข้ามาร่วมกิจกรรมเรียนรู้การทำซั้งกออีกด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยังจัดกิจกรรมปล่อยปูในวันสำคัญ เช่น วันประมงแห่งชาติ วันอนุรักษ์ทะเล วันสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรของท้องถิ่น
“เป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวประมงที่สามารถผลักดันให้เกิดเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำได้ ทำให้เรือใหญ่ไม่เข้ามารบกวนพื้นที่ที่ปูปลาอาศัยอยู่ สัตว์น้ำก็จะได้มีโอกาสเติบโต สภาพตอนนี้เท่าที่ถามพี่น้องชาวประมงที่เห็นชัด คือ มีลูกปูมากขึ้น มีคนทำไซปูได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แสดงว่าการทำธนาคารปูได้ผล” นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านปากน้ำ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ขณะที่ นายกัมพล ถิ่นทะเล ชาวประมงรายหนึ่งในกรรมการธนาคารปูม้า กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกัน ได้รับคำแนะนำจากสมาคมรักษ์ทะเลไทย ว่า ไม่ควรจะจับปูเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าจับอย่างเดียวโอกาสที่ปูจะเกิดมาทดแทนก็มีน้อย จึงคิดทำธนาคารปูม้าขึ้น โดยได้รับความอนุเคราะห์เรื่องอุปกรณ์จากสมาคมรักทะเลไทย และใช้สถานที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ ท่าเทียบเรืออ่าวนุ่น เป็นสถานที่ตั้งของธนาคาร ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสมาชิกนำปูมาฝากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อก่อนปูหายากต้องออกไปหาไกลๆ เดี๋ยวนี้หลังจากที่เราทำธนาคารปูได้มากขึ้น ไม่ต้องออกเรือไปไกลๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแรงจูงใจให้พวกเราต้องทำต่อไป เพราะทำแล้วไม่เหนื่อยเปล่า เป็นเรื่องของส่วนรวม เพื่อลูกหลานในอนาคตด้วย”
ทางด้าน นายม่าเบ็น อาหมัน ผู้ดูแลธนาคารปูม้า อาสาใช้เวลาว่างจากการออกไปทำประมง คอยรับปูแม่พันธุ์ที่กำลังมีไข่มาอนุบาล คอยเปลี่ยนน้ำ ให้อาหาร ก่อนปูวางไข่จนฟักตัวเป็นลูกปู และปล่อยลงสู่ท้องทะเล
“ตนมีหน้าที่คอยรับปูมาไว้ในธนาคาร คอยเปลี่ยนน้ำให้ใสเหมาะแก่การอาศัยของปู ให้อาหารพวกปลาทู ปลาลังที่ตายแล้ว พอปูแตกลูกเล็กๆ 8 ชั่วโมง หลักจากนั้น ก็นำไปปล่อยลงน้ำริมๆ ทะเลได้เลย แม่ปูก็คืนเจ้าของไป ปูไข่แต่ละแพมีข้อตกลงกันว่าจะไม่รับซื้อเด็ดขาด ใครที่ไม่รับคืนก็อาจให้ธนาคารเอาไปขายเพื่อเป็นเงินหมุนเวียน เอาไปซื้อแม่ปูไข่เข้ามาอีก หรือไม่ก็ขายเอาเงินมาจ่ายค่าไฟ ส่วนใหญ่ก็ให้มาเลยไม่ค่อยมารับคืนกันหรอก” ผู้ดูแลธนาคารปูม้า กล่าวถึงการทำงาน
“ธนาคารปูม้า บ้านตะโละใส” คือ รูปธรรมเบื้องต้นของการร่วมแรงร่วมใจอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำของชุมชน ที่พวกเขาต้องลงมือลงแรงด้วยตัวเอง เพื่อสร้างสุขภาวะดีที่ดีให้แก่ทุกคนในชุมชน ในการเป็นแหล่งทำกินเชิงอนุรักษ์ แหล่งสร้างรายได้ที่พอเพียงสำหรับทุกคน ซึ่งจะต่อยอดไปสู่ความมั่นคงในอาชีพ อันหมายถึงอนาคตของครอบครัว และความยั่งยืนของอาชีพประมงพื้นบ้านอ่าวปากบารา