นราธิวาส - “ภาณุ อุทัยรัตน์” เลขานุการผู้แทนพิเศษรัฐบาล ชี้แจงกรณีสั่งปิดจุดผ่อนปรนชายแดนโก-ลก-มาเลเซีย ชี้ไม่ได้ปิด แต่ให้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการเล็ดลอดของกลุ่มก่อความไม่สงบ หวั่นก่อเหตุป่วนช่วงรอมฎอน
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวมีชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก วอนนายกรัฐมนตรี ทบทวนการสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก เพราะจะกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง จนทำให้อาจกลายเป็นเมืองร้าง สวนทางต่อนโยบายอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นั้น
วานนี้ (5 มิ.ย.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลฯ กล่าวว่า จากที่นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมด้วยแกนนำ ตัวแทนกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หอการค้า และสมาคมท่องเที่ยวโรงแรม ที่มายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านตนนั้น ทำให้เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2560 เวลาประมาณ 14.00 น. ตนเองได้มารับหนังสือ และได้มีโอกาสทำความเข้าใจต่อนายกเทศมนตรี และผู้แทนเครือข่ายเพื่อทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงดังนี้
กรณีการเปิด-ปิดด่าน ตนเองได้พูดคุยหารือก่อนหน้านั้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอ และฝ่ายหน่วยงานด้านความมั่นคง ทำให้เห็นผลตรงกันว่า การดูแลด้านตรวจในเขตชายแดนวันนี้เราต้องมีความเข้มงวดกวดขันมากขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความไม่สะดวก เนื่องจากงานการข่าวมีการแจ้งว่า ในช่วงเดือนรอมฎอนอาจมีผู้ไม่หวังดีข้ามฝั่งมาก่อเหตุร้ายได้ จึงส่งผลให้ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น
จากมาตรการคุ้มเข้มเพื่อป้องกันการก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอน ทำให้ต้องเพิ่มการตรวจสอบช่องทาง จากช่องทางเข้าออกปกติทางสะพานแล้ว เรายังได้ผ่อนปรนให้แก่พี่น้องประชาชน สามารถเดินทางข้ามแดนไปมาใน 2 ช่องทาง คือ ท่ามูโน๊ะ และท่าประปา นอกจากนี้ ก็ยังมีอีก 5 ท่า ที่เปิดให้ประชาชนเทียบท่าข้ามฝั่งจนเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ เนื่องจาก 5 ท่าดังกล่าวยังไม่ได้รับการประกาศเป็นเขตผ่อนปรนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อมีการประกาศกวดขันในช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจจะส่งผลให้บรรดาจุดตรวจต่างๆ รวมถึงจุดผ่อนปรนอาจจะต้องปิดชั่วคราวตามเวลาที่เหมาะสมดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมของงานด้านความมั่นคงที่ดำเนินการต่อเนื่องจากงานการข่าว ซึ่งก็ได้มีความพยายามในการรักษาความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนโดยส่วนรวม
“ต้องเรียนให้ทราบว่า หากต้องทำการปิดท่าดังกล่าวก็เป็นไปตามงานการข่าว ซึ่งปิดแค่ชั่วคราวเท่านั้น จะกี่วันคงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ทั้งนี้ เราไม่ได้มีการประกาศยกเลิกช่องทางเข้าออกทั้ง 7 แห่ง ซึ่งหากจำเป็นก็ต้องมีการหารือเพื่อฟังเสียงส่วนใหญ่ และจากการพุดคุยเมื่อวานนั้น ประชาชน และสมาคมต่างๆ ก็มีความเข้าใจแล้ว”
นายภาณุ ยังกล่าวอีกว่า กรณีการสั่งปิดด่านโก-ลก นั้น เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติทั่วไปของงานด้านความมั่นคง และแม้ว่าท่าน้ำทั้ง 5 ท่าดังกล่าว จะเอื้อประโยชน์ และอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชน และผู้ได้รับประโยชน์ เช่น เรือจ้าง รถจักรยานยนต์ และร้านค้าต่างๆ ให้สามารถสัญจรไปมาได้สะดวก แต่ทั้งนี้ ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ท่าน้ำ 5 แห่งดังกล่าวยังไม่ได้รับการประกาศเป็นเขตผ่อนปรนอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งการสั่งปิดช่องทางที่ไม่ได้เปิดถูกต้องนั้นก็สามารถกระทำได้
“แม้ว่าท่าน้ำ 5 แห่งไม่ได้เป็นเขตผ่อนปรน แต่ในฐานะเมืองพี่เมืองน้อง รัฐบาลก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในช่วงเดือนรอมฎอนอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้ วันนี้ วินาทีนี้ยังเปิดอยู่”
นายภาณุ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้เราได้มีการทำความเข้าใจต่อชาวบ้าน ผ่านทางนายกเทศมนตรีแล้ว โดยทางนายอำเภอสุไหงโก-ลก ก็ได้มีการพูดคุย และทำความเข้าใจต่อประชาชน และกลุ่มต่างๆ ให้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน โดยนอกจากนี้แล้วมาตรการรักษาความปลอดภัยอาจจะต้องมีการสกรีนบุคคลเข้าออกมากขึ้น เพิ่มการตรวจค้นให้มากขึ้น เพราะในช่วงเวลาของเดือนรอมฎอนก็ยังคงมีประชาชนสัญจรปกติ ซึ่งอาจจะทำให้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสหลบหนีเข้ามาก่อเหตุได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการกวดขัน และอาจจะต้องลดเหลือ 2 ท่า เพื่อเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดในพื้นที่
อย่างไรก็ดี สำหรับการเปิดปิดท่าดังกล่าวนั้นเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติร่วมกัน จึงต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคง โดยการนำของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นคนตัดสินใจ