xs
xsm
sm
md
lg

เจ็บไม่รู้ตัว! เหยื่อฝ้าเพดานตกใส่หัวเล่านาทีชีวิต ขณะ ผอ.สั่งรื้อฝ้าตรวจทุกจุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ็บไม่รู้ตัว! เหยื่ออุบัติเหตุฝ้าเพดานอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศตกใส่หัว เล่านาทีชีวิต ได้ยินเสียงดังสนั่น พร้อมกับฝ้าเพดานตกลงมาจุดที่นั่งรอขึ้นเครื่องอย่างรวดเร็ว รีบลุกหนีโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ พร้อมระบุโชคดีที่ขณะเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวเพิ่งถูกเรียกขึ้นเครื่อง มีเพียงตนที่นั่งอยู่จุดนั้น ขณะที่ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต รุดเยี่ยมขอโทษผู้ประสบเหตุ พร้อมเผยอาคารที่เกิดเหตุสร้างเมื่อปี 31 ซ่อมแซมปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ขณะนี้สั่งปิดพื้นที่ เปิดฝ้าเพดานสำรวจ พบยังมีรอยร้าวอีกหลายจุด สั่งหน่วยเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุฝ้าเพดาน พร้อมแผ่นซีเมนต์ตกลงมาใส่ผู้โดยสารที่กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องระหว่างประตูทางออกที่ 81 และ 82 อาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ นายบัญชา สงวนนาม อายุ 59 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน 10/360 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อทำการรักษา

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า มีแผลแตกที่ศีรษะ จำนวน 2 จุด โดยจุดแรกยาวประมาณ 6 ซม. ลึกถึงกะโหลก เส้นเลือดฝอยขาด 2 เส้น จุดที่ 2 อยู่บริเวณศีรษะด้านหลัง ยาวประมาณ 3 ซม. ลึก 1 ซม. เบื้องต้น แพทย์ตรวจพบมีรอยเป็นเส้นสีดำที่กะโหลกศีรษะ จึงส่งตัวรักษา และสแกนสมองต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โดยขณะนี้ยังคงนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องพักผู้ป่วย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศภูเก็ต (ทภก.) ได้นำกระเช้า เข้าเยี่ยมเพื่อติดตามอาการบาดเจ็บ และแสดงความเสียใจพร้อมทั้งขอโทษ นายบัญชา สงวนนาม ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่ฝ้าเพดานดังกล่าวร่วงหล่นลงมา และยืนยันยันว่า พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างอย่างเต็มที่ โดยทางท่าอากาศยาน ได้ทำประกันภัยไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน น.ส.อโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต และนางรัชดาภรณ์ โออิน รักษาการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางเข้าเยี่ยม และให้กำลังใจผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ รวมทั้งสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแจ้งต่อทางผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ว่า การเดินทางมาเยี่ยมในครั้งนี้เนื่องจากทางจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มีความห่วงใย และเป็นห่วงผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงมอบหมายให้ทั้ง 2 หน่วยงานมาเยี่ยมในนามของจังหวัดภูเก็ต

นอกจากนั้น ทางตัวแทนสายการนกแอร์ ได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยม นายบัญชา สงวนนาม ด้วย พร้อมกับแจ้งว่า เรื่องการเดินทางไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าทางผู้ได้รับบาดเจ็บพร้อมจะเดินทางเมื่อไหร่ก็สามารถใช้บริการได้เลย เนื่องจากขณะนี้เปิดตั๋วไว้ให้แล้ว

ขณะ นายบัญชา เล่าถึงนาทีระทึกจนหวิดเอาชีวิตไม่รอด ว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุได้เดินทางมาถึงสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพฯ และเมื่อเข้ามาที่ประตูทางออก ก็นั่งพักรออยู่บริเวณที่พักอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะต้องรออีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมีการเรียกขึ้นเครื่อง โดยตอนแรกนั่งห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก โดยจุดที่เกิดเหตุก่อนหน้านั้นมีนักท่องเที่ยวจีนนั่งกันอยู่จำนวนมาก

แต่ระหว่างนั่งรอก็ได้มีครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งมีลูกเล็กๆ มานั่งใกล้ๆ กับที่ตนนั่งอยู่พร้อมนำของมานั่งกินกัน ตนเห็นว่าครอบครัวนักท่องเที่ยวนั่งกันไม่สะดวกจึงลุกขึ้นย้ายที่นั่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวนั่งกันแบบสบายๆ ประกอบกับจุดที่เกิดเหตุซึ่งก่อนหน้านี้มีนักเที่ยวจีนนั่งกันจำนวนมากว่างลง เนื่องจากมีการเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง จึงเดินไปนั่งที่นั่งบริเวณจุดเกิดเหตุโดยตนนั่งอยู่เพียงคนเดียว แต่มีกระเป๋าของนักท่องเที่ยวชาวจีนวางอยู่ด้วย เมื่อไปนั่งได้ประมาณ 10 นาที

ปรากฏว่า ได้ยินเสียงดังมากลักษณะคล้ายเสียงระเบิด หรือตึกถล่ม และมีสิ่งของตกลงมาทันที ตนจึงลุกขึ้นเดินเพื่อไห้พ้นจากจุดที่มีของตกลงมา โดยขณะนั้นยังไม่รู้สึกตัวว่ามีสิ่งของตกใส่ศีรษะ จนกระทั่งเดินออกมานิดหนึ่งมีคนหันมามองที่ตนเองกันจำนวนมาก จึงก้มมองตัวเองเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมากจากศีรษะ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของการท่าฯ และสายการบินเข้ามาดูแล พร้อมทั้งนำไปทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งตอนแรกก็แจ้งต่อทางสายการบินว่า ตนจะขอเดินทางต่อหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว

แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลถลาง และแพทย์ได้เข้ามาตรวจอย่างละเอียด พร้อมทำการเย็บแผล พบว่า มีแผล 2 จุด จุดแรกบริเวณใกล้กับหน้าผาก พบว่า มีเลือดไหลออกมาค่อนข้างมาก ถามแพทย์บอกว่า มีวัตถุที่มีความแหลม และคมตัดเส้นเลือดค่อนข้างลึก ทำให้เลือดไหลพุ่งออกมาจำนวนมาก และเห็นรอยขูด หรือร้าวที่กะโหลก เย็บไป 6 เข็ม กับอีกจุดบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งจุดนี้น่าจะโดนก้อนปูนตกลงมาใส่ เนื่องจากมีเศษปูนติดอยู่ โดยจุดนี้เย็บ 3 เข็ม

จากากรวินิจฉัยของแพทย์ พบว่า ต้องส่งตัวมาเอกซเรย์สมอง เพราะกลัวจะเกิดการกระทบกระเทือน และกะโหลกร้าว ทางการท่าจึงประสานให้เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ตนรู้สึกดีขึ้นตามลำดับแล้ว และอยากกลับบ้าน

นายบัญชา ยังกล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ จนเข้ารับการรักษที่โรงพยาบาล ทางผู้อำนวยการการท่าฯ ก็ได้มีการโทรศัพท์มาสอบถามอาการตลอดเวลา และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่การท่าฯ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และแจ้งว่าการท่าฯ จะรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คิดว่าเป็นคราวงเคราะห์ของตัวเอง และถือว่าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด และก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะได้รับการดูแลจากการท่าฯ และสายการบินเป็นอย่างดี และพอใจต่อการช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนของตั๋วเครื่องบินได้รับแจ้งว่า หากจะเดินทางไปเมื่อไหร่ก็ให้แจ้งทางสายการบินไปเขาพร้อมที่จะดูแลในส่วนนี้ให้

ซึ่งตนไม่อยากคิดว่าถ้าหากเกิดเหตุก่อนหน้านี้สักประมาณ 10 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนนั่งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ อะไรจะเกิดขึ้นต่อจังหวัดภูเก็ต เพราะถ้านักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตก็จะเสียหายไปด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว

ขณะที่ นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางตน และท่าอากาศยานภูเก็ต ขออภัย และแสดงความเสียใจต่อทางผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างยิ่ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพบว่าเกิดขึ้นบริเวณเหนือฝ้าเพดาน ซึ่งเป็นปูนที่ฉาบคานไว้เสื่อมสภาพทำให้เกิดการหลุดร่อน และร่วงหล่นลงมาบนฝ้าเพดาน ทำให้ฝ้ารับน้ำหนักไม่ไหว จึงร่วงหล่นลงมาทั้งแผ่นดังกล่าว และจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า อาคารหลังนี้มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน โดยเป็นอาคารเดิมกรมการบินพาณิชย์ การท่าฯ รับโอนมาจากกรมการบินพาณิชย์ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2531 และทราบว่าได้มีการปรับปรุงมาแล้ว 3 ครั้ง ตามห้วงเวลา โดยครั้งสุดท้ายปรับปรุงเมื่อปี 2545 และจากการปรับปรุงครั้งสุดท้ายได้ใช้งานมาแล้วเป็นเวลา 15 ปี

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ปิดพื้นที่ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบบนฝ้า พบมีการฉาบปูน และพบมีรอยร้าวในหลายจุด ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายบำรุงรักษาเปิดฝ้าเพดานออกตรวจสอบทีละจุดอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เนื่องจากอาคารส่วนนี้ยังจำเป็นต้องใช้งานในระหว่างรอการปรับปรุงอาคารอีกด้านปรับปรุงแล้วเสร็จ คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2 เดือน โดยจะใช้วิธีการเปิดตรวจสอบทีละจุด หากพบว่าจุดไหนมีความเสี่ยงจะทำการปรับปรุงแก้ไขก่อน ส่วนไหนที่ไม่มีความเสี่ยงก็จำเป็นต้องใช้งานไปก่อน และต้องกราบขออภัยอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะพยายามแก้ไข และทำให้ดีที่สุด ส่วนการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และดูแลอย่างเต็มที่

กำลังโหลดความคิดเห็น