xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบก.ยะลา เผยผลสอบปากคำ 4 ตร.สภ.โกตาบารู กรณีตั้งด่านเรียกตรวจสองสามีภรรยาพิการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ยะลา - รอง ผบก.ยะลา เผยผลสอบปากคำ 4 ตำรวจ สภ.โกตาบารู หลังตกเป็นจำเลยสังคมกรณีตั้งด่านเรียกตรวจ “ปะดอและมะดอ” สองสามีภรรยาพิการ ระบุเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวคนขับรถ เชื่อเป็นพยานปากสำคัญของคดีมาให้ความชัดเจนอีกครั้ง

วันนี้ (2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลา ว่า จากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ประกอบด้วย 1.ด.ต.ถันถวัช ดำด้วงโรม 2.ส.ต.ต.สิทธิราช แขกเพ็ง 3.ส.ต.ต.นิฮาริพ มะมิง และ 4.ส.ต.ต.ธีระ กอเจริญเกียรติ ซึ่งทั้งหมดสังกัดสถานีตำรวจภูธรโกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งได้ถูกสั่งย้ายทันที หลังจากที่เกิดเหตุตั้งด่านเรียกตรวจรถยนต์ของสองสามีภรรยาพิการ ที่มีสินค้าอยู่ภายในรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ 18 พ.ค.60 และต่อมา ได้มีการแชร์ในสังคมออนไลน์ว่า เรียกเก็บเงินเป็น จำนวน 3,000 บาท จากสองสามีภรรยาพิการดังกล่าว จนเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ถูกสั่งให้ย้ายด่วนกลับไปปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พร้อมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจากกรณีดังกล่าว

ล่าสุด พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าภายหลังมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ว่า ตามที่ได้สอบปากคำนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และจากกรณีดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ได้มีการเรียกตรวจรถยนต์ตู้ของ “ปะดอ” และ “มะดอ” จริง ซึ่งในคืนวันเกิดเหตุนั้นรถตู้คันดังกล่าววิ่งผ่านด่านตรวจในยามวิกาล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ขอเรียกตรวจ ก็พบบุคคลภายในรถ จำนวน 3 คน คือ “ปะดอ” หรือนายพาอูยี สะมะแอ อายุ 45 ปี พร้อมด้วย “มะดอ” หรือนางดอรีเยาะ บีราเซ็ง อายุ 53 ปี ภรรยา และชายอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ตู้คันดังกล่าวยังไม่ทราบชื่อ
 

 
โดยขณะตรวจค้นก็พบว่า ภายในรถยนต์ตู้บรรทุกสิ่งของเป็นสินค้าหลายรายการ พร้อมด้วยใบกำกับภาษีที่บุคคลทั้ง 3 ได้ยืนยันต่อทางเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า จำนวนสินค้าไม่ตรงกับสินค้าที่มีอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คน ไปที่สถานีตำรวจภูธรโกตาบารู เพื่อพบกับร้อยเวร โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ทราบว่า “ปะดอ” และ “มะดอ” เป็นผู้พิการ

ซึ่งขณะที่นำตัวทั้ง 3 คน ไปพบกับร้อยเวรนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 นาย ที่อยู่ในระหว่างออกเวรไปแล้ว และกำลังจะพักก็ได้อาสาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาให้ระหว่างร้อยเวรกับบุคคลทั้ง 3 ซึ่งเมื่อไปถึงสถานีตำรวจเพื่อพบร้อยเวร โดยขณะทำการสอบปากคำ และพูดคุยอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ทราบว่า “ปะดอ” และ “มะดอ” สองสามีภรรยาจะเป็นผู้พิการ เนื่องจากตอนนั้นบุคคลทั้ง 3 คือ “ปะดอ” และ “มะดอ” พร้อมด้วยผู้ชายคนที่ขับรถได้นั่งอยู่ในเบาะของรถตู้ จึงไม่สามารถสังเกตเหตุได้

ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งรายละเอียดให้ทราบถึงความผิดที่มีสิ่งของหลบเลี่ยงภาษีจำนวนมากอยู่ภายในรถ พร้อมทั้งบอกว่า ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน ตามชั้นศาล และต่อมา เจ้าหน้าที่ก็เพิ่งสังเกตเห็น และทราบว่า ทั้ง “ปะดอ” และ “มะดอ” เป็นผู้พิการ ซึ่งอยู่ในระหว่างกำลังจะเขียนบันทึกประจำวัน แต่เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ติดใจเอาความ และตั้งใจที่จะปล่อยตัวทั้ง 3 คนไป

แต่ขณะที่ลงมาจากสถานีตำรวจแล้ว ทางผู้ชายคนขับรถก็ได้เอาเงิน จำนวน 3,000 บาท มายื่นให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็ขึ้นรถขับออกไปจากสถานีตำรวจ จนมากลายเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์
 

 
โดยข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายคือ “ปะดอ” และ “มะดอ” พร้อมทั้งคนขับรถนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ โดยทั้งหมดที่จะต้องเข้าให้ปากคำต่อทางเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ก็ได้แก่ “ปะดอ” หรือนายพาอูยี สะมะแอ อายุ 45 ปี พร้อมด้วย “มะดอ” หรือนางดอรีเยาะ บีราเซ็ง อายุ 53 ปี ภรรยา ผู้ชายคนขับรถให้ในคืนเกิดเหตุ และ น.ส.นูรีซัน เจ๊ะแวกูนิง ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่เป็นผู้โพสต์เหตุการณ์ดังกล่าว

ในส่วนของการรับเงิน จำนวน 3,000 บาทนั้น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา บอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ได้ยอมรับว่ารับเงินมาจริง แต่ไม่ได้มีการเรียกไถเงิน เพราะเห็นสภาพทั้ง 2 ที่เป็นผู้พิการก็เห็นใจ และไม่ได้ตั้งข้อหาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ยังเปิดเผยว่า ขอให้มีการสอบปากคำอีกฝ่ายซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ก็คงจะได้ความชัดเจน
 
กำลังโหลดความคิดเห็น