xs
xsm
sm
md
lg

ประกาศ! อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีฯ เป็นเขตภัยพิบัติอุทกภัย อีกหลายพื้นที่จ่อวิกฤตหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
นครศรีธรรมราช - ผู้ว่าฯ เมืองคอน ประกาศให้ อ.จุฬาภรณ์ เป็นเขตภัยพิบัติ เผยผลสำรวจเบื้องต้นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนร่วม 12,000 ครัวเรือน ขณะที่ฝนถล่มหนักทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายอำเภอน้ำหลากเข้าท่วมจ่อวิกฤตหนัก

วันนี้ (3 ธ.ค.) จากภาวะฝนตกหนักกระจายในพื้นที่ 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลทำให้ในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.จุฬาภรณ์ อ.ชะอวด และ อ.ร่อนพิบูลย์ เกิดภาวะน้ำไหลหลากอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.จุฬาภรณ์ ใน 5 ตำบล ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร และมีเด็กเสียชีวิต 1 ราย โดยล่าสุด กองกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทำการขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงแล้ว

นายไพบูลย์ นาคทิพย์พิมาน นายอำเภอจุฬาภรณ์ ร่วมกับ นายสมเกียรติ์ วังบุญคง นายก อบต.นาหมอบุญ และกองทัพภาคที่ 4 สนธิกำลังลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนอย่างหนักจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งพื้นที่ทางการเกษตรนาข้าว สวนไม้ผล สวนยางพาราจมอยู่ใต้น้ำ ถนนในหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำรถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ และมีการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว 7 แห่ง เนื่องจากเดินทางไม่สะดวก

นายอำเภอจุฬาภรณ์ กล่าวว่า บางช่วงน้ำลดระดับ แต่พื้นที่รับน้ำนั้นเริ่มสูงขึ้น แต่หากฝนยังตกลงมาอย่างนี้คาดว่าคงจะเพิ่มระดับถึงขั้นระดับรุนแรง ส่วนการช่วยเหลือทุกภาคส่วนได้ประสานงานออกช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ โดยทุกตำบลของ อ.จุฬาภรณ์ เดือดร้อนประมาณ 12,000 ครัวเรือน หรือ 30,000 กว่าคน
 

 
ขณะที่ อ.ปากพนัง น้ำทะเลหนุนสูงเข้าท่วมในเขตเมืองปากพนังเป็นระยะ ส่วนถนนสายเลียบทะเล เจ้าหน้าที่แขวงการทางนครศรีธรรมราช ต้องเข้าเก็บกวาดถนนเป็นระยะ เนื่องจากทะเลได้ซัดเอาขยะทะเล รวมทั้งทรายขึ้นมาอยู่บนผิวจราจรเป็นจำนวนมาก

และเมื่อคืนที่ผ่านมา ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก จนถึงเช้านี้หลายอำเภอกำลังเข้าสู่ภาวะอุทกภัย เช่น ที่ อ.สิชล น้ำได้หลากเข้าท่วมหลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะวิกฤต ถนนสาย 401 รถไม่สามารถใช้สัญจรได้ โดยช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่กระจายลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเข้ากู้ภัย และเคลื่อนย้ายอพยพประชาชนใน อ.สิชล อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ทุ่งสง และ อ.นบพิตำ ที่เกิดภาวะน้ำหลาก และในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช

ซึ่งประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ต่างเคลื่อนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูงได้อย่างหวุดหวิด หลังจากน้ำป่าจากเทือกเขาหลวง ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว รวมกับปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมขยายเป็นวงกว้าง ขณะที่เทศบาลฯ ได้ชักธงแดงไว้บริเวณคลองสายต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม พร้อมทั้งเตรียมสถานที่โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช สำหรับให้ผู้อพยพหากสถานการณ์รุนแรง
 

 
ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช ได้สรุปพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 9 อำเภอ 28 ตำบล 1 เทศบาลเมือง ได้แก่ อ.ชะอวด 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน, อ.ทุ่งสง 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน, อ.จุฬาภรณ์ 6 ตำบล 26 หมู่บ้าน, อ.ร่อนพิบูลย์ 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน, อ.สิชล 7 ตำบล 23 หมู่บ้าน, อ.ท่าศาลา 6 ตำบล 14 หมู่บ้าน, อ.นบพิตำ 2 ตำบล 6 หมู่บ้าน, อ.พระพรหม 4 ตำบล 22 หมู่บ้าน และ อ.ปากพนัง 1 เทศบาลเมืองคือ เทศบาลเมืองปากพนัง อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังมีพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังคงมีฝนตกกระจายในทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง

สำหรับความเสียหายเบื้องต้น ถนนสาธารณะ 50 สาย ผู้เสียชีวิตจากจมน้ำ 1 ราย เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ หมู่ที่ 4 ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ มีผู้สูญหาย 1 ราย หมู่ที่ 6 ต.เปลี่ยน อ.สิชล ราษฎรได้รับผลกระทบ 24,000 คน 6,000 ครัวเรือน ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร มูลนิธิ อาสาสมัครต่างๆ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว
 

 
พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผู้บังคับค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากประชาชนหมู่ที่ 10 ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ว่า มีชาวบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ขณะที่กระแสน้ำป่าไหลบ่ามาอย่างรวดเร็ว เชี่ยวกรากรุนแรง และต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว จนเข้าท่วมบริเวณชั้นล่างทั้งหมดต้องหนีน้ำไปอยู่ชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งหากฝนยังไม่หยุดตกคาดว่าปริมาณน้ำจะสูงถึงชั้นที่ 2 แน่นอน

หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารนำเรือท้องแบน พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือทันที เมื่อไปถึงพบ นายลำดวน ชุมทอง นางบุญหยาย ชุมทอง พร้อมกับหลานสาว ที่ยืนรอขอความชวยเหลืออยู่บริเวณหน้าต่างบ้านด้วยสีหน้าวิตกกังวล แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารทุกคนต่างแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่ทหารได้ช่วยเหลือนำทั้ง 3 ชีวิต ขึ้นเรือท้องแบนอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ท่ามกลางความดีใจของ 2 ตายาย และหลานสาวเป็นอย่างมาก
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น