ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทัพเรือภาคที่ 3 จัดแข่งขันเรือใบเล็ก รายการภูเก็ต ดิงกี้ซีรีส์ 2016 คัดเลือกเยาวชนเข้าทำการแข่งขันรายการ อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส ในงานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 3-10 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา นาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเรือใบเล็กรายการ รายการภูเก็ต ดิงกี้ซีรีส์ 2016 ซึ่งจัดขึ้น ณ ชายหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม รองผู้อำนวยการกองกำลังพัล ทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะกรรมการจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง คณะนักกีฬา และผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วม
สำหรับการแข่งขันเรือใบเล็ก มีนักแล่นใบเยาวชนอายุระหว่าง 6-18 ปี เข้าร่วม จำนวน 25 ลำ มีทั้งประเภทออบติมิท และเลเซอร์ จากจังหวัดสงขลา และจังหวัดภูเก็ต ร่วมแข่งขันเรือใบเล็ก รายการ ภูเก็ต ดิงกี้ซีรีส์ 2016 ซึ่งเป็นการแข่งขันสนามสุดท้ายสำหรับปีนี้ ก่อนที่นักแล่นใบทั้งหมดจะได้ร่วมประชันฝีมือกับบรรดานักแล่นใบเยาวชนจากทั่วประเทศไทย รวมถึงนักแล่นใบเล็กจากสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมกว่า 100 ลำ ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาร่วมแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรายการ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกีต้า ณ ชายหาดกะตะที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 3-10 ธ.ค.2559 นี้
นาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญต่อกีฬาเรือใบมาโดยตลอด โดยเฉพาะทัพเรือภาคที่ 3 ได้มีการจัดโครงการอบรมเยาวชนฝึกแล่นเรือใบขั้นพื้นฐานเพื่อฝึกอบรมเยาวชนให้ได้รับความรู้เรื่องการแล่นใบ ซึ่งสำหรับการแข่งขันเรือใบ Phuket Dinghy Series เป็นการแข่งขันรอบตัดเชือก โดยมีเยาวชนจากจังหวัดสงขลา และจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกเยาวชนเข้าทำการแข่งขันรายการอินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส (International Dinghy Class) ซึ่งเป็นการรวมการแข่งขันเรือใบเยาวชนให้เป็นส่วนหนึ่งในงานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า (PhuketKing's Cup Regatta) เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาเรือใบเยาวชนในประเทศไทยสามารถพัฒนาทักษะการแล่นเรือใบในการแข่งขัน ตลอดจนเป็นการดึงดูดความสนใจให้เยาวชนรุ่นใหม่หันมาสนใจกีฬาเรือใบมากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาให้สามารถก้าวสู่รายการแข่งขันระดับสูงต่อไป
นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม รองผู้อำนวยการกองกำลังพัล ทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะกรรมการจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 กล่าวว่า ภูเก็ตดิงกี้ซีรีส์ 2016 ปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้ฝึกสอนเยาวชนในพื้นที่ภูเก็ต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้าง และพัฒนานักแล่นใบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการเรือใบไทย ตลอดจนเป็นการฝึกทักษะให้เยาวชนไทยมีความอดทน ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
“การแล่นเรือสอนให้คนคิดเองทำเอง เพราะเมื่อเราลงไปแล่นเรือแล้ว เรือไม่วิ่งจะไม่มีใครมาคอยสอน เราต้องคิดเองทำเองว่าลมมาทางไหน ลมแรงขนาดนี้เราสู้ไหวไหม ถ้าไหวเราก็สู้ แต่ถ้าไม่ไหวแล้วเรายังสู้ เรือก็จะคว่ำ ถ้าลมเบาเราจะทำอย่างไรเรือจึงจะวิ่ง แล้วถ้าไม่มีลมเราจะทำอย่างไร เราก็ควรจะนั่งรอสักครู่ให้ลมมา ถ้าเราแล่นเรือเป็น ดูทิศทางลมเป็นถ้าเราเป็นตัวนี้ เด็กไทยเป็นตัวนี้ แล้วนำมาใช้ชีวิต นำมาใช้ในกิจการงานได้ ไม่มีทางขาดทุน เพราะรู้เทคนิคการใช้ชีวิตเด็กไทยจะรู้จัก และเข้าใจในการคิดเอง ทำเอง”
อย่างไรก็ตาม ทุกปีในช่วงปิดภาคเรียนทางโครงการจะเปิดรับสมัครเด็กที่สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 30 คน ตั้งแต่อายุ 7 ปี ขึ้นไป โดยเด็กจะมาเรียนเล่นเรือใบเล็ก รวม 10 วัน หลังจากนั้นจะมีการจัดแข่งขัน จำนวน 3 สนาม เพื่อคัดเลือกเด็กที่เก่งที่สุดไปแข่งในรายการระดับชาติต่อไป
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา นาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเรือใบเล็กรายการ รายการภูเก็ต ดิงกี้ซีรีส์ 2016 ซึ่งจัดขึ้น ณ ชายหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม รองผู้อำนวยการกองกำลังพัล ทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะกรรมการจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง คณะนักกีฬา และผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วม
สำหรับการแข่งขันเรือใบเล็ก มีนักแล่นใบเยาวชนอายุระหว่าง 6-18 ปี เข้าร่วม จำนวน 25 ลำ มีทั้งประเภทออบติมิท และเลเซอร์ จากจังหวัดสงขลา และจังหวัดภูเก็ต ร่วมแข่งขันเรือใบเล็ก รายการ ภูเก็ต ดิงกี้ซีรีส์ 2016 ซึ่งเป็นการแข่งขันสนามสุดท้ายสำหรับปีนี้ ก่อนที่นักแล่นใบทั้งหมดจะได้ร่วมประชันฝีมือกับบรรดานักแล่นใบเยาวชนจากทั่วประเทศไทย รวมถึงนักแล่นใบเล็กจากสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมกว่า 100 ลำ ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาร่วมแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรายการ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกีต้า ณ ชายหาดกะตะที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 3-10 ธ.ค.2559 นี้
นาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญต่อกีฬาเรือใบมาโดยตลอด โดยเฉพาะทัพเรือภาคที่ 3 ได้มีการจัดโครงการอบรมเยาวชนฝึกแล่นเรือใบขั้นพื้นฐานเพื่อฝึกอบรมเยาวชนให้ได้รับความรู้เรื่องการแล่นใบ ซึ่งสำหรับการแข่งขันเรือใบ Phuket Dinghy Series เป็นการแข่งขันรอบตัดเชือก โดยมีเยาวชนจากจังหวัดสงขลา และจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกเยาวชนเข้าทำการแข่งขันรายการอินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส (International Dinghy Class) ซึ่งเป็นการรวมการแข่งขันเรือใบเยาวชนให้เป็นส่วนหนึ่งในงานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า (PhuketKing's Cup Regatta) เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาเรือใบเยาวชนในประเทศไทยสามารถพัฒนาทักษะการแล่นเรือใบในการแข่งขัน ตลอดจนเป็นการดึงดูดความสนใจให้เยาวชนรุ่นใหม่หันมาสนใจกีฬาเรือใบมากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาให้สามารถก้าวสู่รายการแข่งขันระดับสูงต่อไป
นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม รองผู้อำนวยการกองกำลังพัล ทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะกรรมการจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 กล่าวว่า ภูเก็ตดิงกี้ซีรีส์ 2016 ปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้ฝึกสอนเยาวชนในพื้นที่ภูเก็ต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้าง และพัฒนานักแล่นใบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการเรือใบไทย ตลอดจนเป็นการฝึกทักษะให้เยาวชนไทยมีความอดทน ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
“การแล่นเรือสอนให้คนคิดเองทำเอง เพราะเมื่อเราลงไปแล่นเรือแล้ว เรือไม่วิ่งจะไม่มีใครมาคอยสอน เราต้องคิดเองทำเองว่าลมมาทางไหน ลมแรงขนาดนี้เราสู้ไหวไหม ถ้าไหวเราก็สู้ แต่ถ้าไม่ไหวแล้วเรายังสู้ เรือก็จะคว่ำ ถ้าลมเบาเราจะทำอย่างไรเรือจึงจะวิ่ง แล้วถ้าไม่มีลมเราจะทำอย่างไร เราก็ควรจะนั่งรอสักครู่ให้ลมมา ถ้าเราแล่นเรือเป็น ดูทิศทางลมเป็นถ้าเราเป็นตัวนี้ เด็กไทยเป็นตัวนี้ แล้วนำมาใช้ชีวิต นำมาใช้ในกิจการงานได้ ไม่มีทางขาดทุน เพราะรู้เทคนิคการใช้ชีวิตเด็กไทยจะรู้จัก และเข้าใจในการคิดเอง ทำเอง”
อย่างไรก็ตาม ทุกปีในช่วงปิดภาคเรียนทางโครงการจะเปิดรับสมัครเด็กที่สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 30 คน ตั้งแต่อายุ 7 ปี ขึ้นไป โดยเด็กจะมาเรียนเล่นเรือใบเล็ก รวม 10 วัน หลังจากนั้นจะมีการจัดแข่งขัน จำนวน 3 สนาม เพื่อคัดเลือกเด็กที่เก่งที่สุดไปแข่งในรายการระดับชาติต่อไป
