ปัตตานี - ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ล่าสุด ชุดสอบสวนคดีความมั่นคงระบุ รถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุพบมีความเชื่อมโยงกับระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยทำหน้าที่ขนส่งคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 10-13 ส.ค.59
จากกรณีคนร้ายนำรถยนต์เก๋งประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ มาจอดทำทีเติมน้ำมันหยอดเหรียญข้างสำนักงานบริหารราชการตำบลปิยามุมัง และสหกรณ์รวมพลังหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จากนั้นจึงได้หลบหนีไป ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ทหารพราน 1 นาย นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (19 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่า รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน วฐ 1563 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้นั้น เจ้าของเดิมก็เป็นคนกรุงเทพฯ แต่มีการขายโอนลอยกันหลายทอด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังไล่ตรวจสอบหาผู้ที่ครอบครองรถคนล่าสุดว่าจะมีความเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่
และจากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถที่คนร้ายใช้ร่วมในการก่อเหตุลอบวางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยทำหน้าที่ในการขนส่งคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 10-13 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางหน่วยความมั่นคงยังได้มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำมาประกอบระเบิดก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งมาเกิดเหตุขึ้นในครั้งนี้
ส่วนการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ได้มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า พบคนร้ายขับรถคาร์บอมบ์มาจากด้านหลังของวัด โดยมีคนร้ายอีกหนึ่งคนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลัง จากนั้นคนร้ายจึงนำรถเก๋งมาจอดไว้ด้านข้างสำนักงานบริหารราชการตำบล ทำทีว่าจะเติมน้ำมันหยอดเหรียญ ก่อนที่คนร้ายอีกคนจะเข้าไปภายในสหกรณ์ทำทีว่าจะเข้าไปซื้อของ แต่ได้นำระเบิดปลอมมาซุกไว้ จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คน จึงได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ และก่อนจะหลบหนีก็ได้นำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 5 กิโลกรัม มาซุกไว้ริมถนนอีกหนึ่งลูกเพื่อต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่
ต่อมาอีกประมาณ 5 นาที ก็ได้เกิดระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้น ส่วนระเบิดอีกหนึ่งลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่สามารถกู้ไว้ได้ทัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงต่อการก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ซึ่งขณะนี้ได้มีการสนธิกำลังออกไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่อง และมีการวางกำลังคุมเข้มทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญ และกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอทั่วทั้ง 12 อำเภอ
