MGR Online - พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง รุดสอบปากคำมือวางระเบิดป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ ช่วงวันที่ 10 - 12 สิงหาคม เปิดปากรับสารภาพเป็นผู้วางระเบิดในตลาดพาราไดซ์ หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ร่วมกับพวกอีก 1 คน ระบุ อีก 6 จังหวัด เป็นฝีมีอกลุ่มก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดน ลงมือ จ่อขออนุมัติศาลนำตัวทำแผนชี้ที่เกิดเหตุ
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง นครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง (รอง ผบ.ตร.มค.) พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ระหว่างวันที่ 10 - 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีโดยได้เข้าสอบสวน นายมูฮัมหมัด มูฮิ อายุ 20 ปี ชาว อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หนึ่งในผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดจังหวัดภูเก็ต ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ในข้อหาร่วมกันมีหรือใช้วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และเป็นอั้งยี่ หลังจากควบคุมตัวฝากขังตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า นายมูฮัมหมัด ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวก 4 คน ก่อเหตุวางระเบิดที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 10 - 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากปฏิเสธในตอนแรก
ทั้งนี้ ขณะนี้พนักงานสอบสวน ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดแล้ว 11 รายจับกุมแล้ว 2 ราย คือ นายมูฮัมหมัด มูฮิ และ นายฮากิม ดอเลาะ ผู้ต้องหาวางระเบิดเพลิงห้างโลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งควบคุมตัวที่เรือนจำทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ และพนักงานสอบสวนได้เข้าไปในเขตทัณฑสถานวัยหนุ่ม เบิกตัว นายมูฮัมหมัด มูฮิ สอบปากคำขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัว มายังห้องสอบปากคำ นายมูฮัมหมัด สวมชุดผู้ต้องขัง สวมหมวก และใส่แว่นตาดำ มีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่พนักงานสอบสวน จะชี้แจงรายละเอียดคำรับสารภาพ พร้อมให้ตรวจดูเอกสารสำนวนที่ นายมูฮัมหมัด ได้เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตก่อนหน้านี้ ต่อมา นายมูฮัมหมัด เริ่มมีภาวะเครียด พยักหน้าให้การสับสน พร้อมเอามือลูบใบหน้าหลายครั้ง ก่อนจะร้องไห้ออกมา และให้การกับเจ้าหน้าที่ต่อ และเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง นายมูฮัมหมัด จึงให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกลงมือก่อเหตุระเบิด 3 จุด จริง แต่ตนเองลงมือวางระเบิดเพียงจุดเดียว คือ บริเวณตลาดพาราไดซ์ หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต จุดอื่น ๆ เพียงร่วมเดินทางไปด้วยเท่านั้น ส่วนจะนำตัวนายมูฮัมหมัดมาชี้จุดตามคำให้การหรือไม่ จะต้องรอกาารพิจารณาจากศาลที่จะนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 8 พ.ย. นี้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการสอบสวน นายมูฮัมหมัด หรือ มะ ในวันนี้รับว่า ก่อเหตุนำระเบิดวางที่ตลาดพาราไดซ์ หาดป่าตอง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ร่วมกับพวกอีก 1 คน โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหาร มทบ.41 จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอนำตัวผู้ต้องหานำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ โดยศาลนัดไต่สวน ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ทั้งนี้ แม้คำรับสารภาพถือว่ามีน้ำหนักน้อยมากในชั้นศาล แต่เพื่อให้ครบกระบวนการที่ถือปฏิบัติในสอบสวน ก็จะต้องทำแผนประกอบคำรับสารภาพชี้จุดก่อเหตุ แต่ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร ทั้งนี้ นายมูฮัมหมัด ให้การเป็นประโยชน์รับว่ารู้จักกับคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่ก่อเหตุในอีก 6 จังหวัด เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม กรณี นายมูฮัมหมัด มีพยานหลักฐานอื่น ทั้งกล้องวงจรปิด และพยานยืนยันขณะก่อเหตุ ที่มั่นใจว่า นายมูฮัมหมัด ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ทั้ง 3 จุด
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา และพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่ชัดเจนในวันที่ 8 พฤศจิกายน จะขอศาล มทบ.41 ออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อเหตุวางไปป์บอมบ์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต อีก 1 ราย ซึ่งจะเป็นผู้ต้องหารายที่ 11 หลังขออนุมัติหมายจับไปแล้ว 10 ราย จับกุมได้ 2 ราย โดยอีก 8 ราย ที่มีหมายจับ และหลบหนีชุดสืบสวนยังคงติดตามจับกุมต่อเนื่อง ซึ่งทุกรายยังคงหลบหนีในประเทศไทย ยังไม่พบว่ารายใดเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม เหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างความเสียหาย มีผู้เสียชีวิต ต้องสอบสวนขยายผลอย่างถึงที่สุด ตามกระบวนการหากพบหลักฐานผู้ใดเกี่ยวข้อง ก็ต้องขออนุมัติหมายจับดำเนินคดีทั้งหมด การทำสำนวนคืบหน้าไปมาก ตนกังวลเพียงที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากการหาพยานหลักฐานไม่ง่าย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณี สำนักงานเขตสาทร แจ้งเตือนให้ระวังวินาศกรรมคาร์บอมบ์ในพื้นที่ ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด และที่มาการแจ้งเตือนของเขต แต่ในส่วนของตำรวจและความมั่นคงนั้น มีการแจ้งให้เฝ้าระวังป้องกันเหตุอยู่แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งกำชับให้ดูแลความสงบเรียบร้อย เป็นพิเศษในช่วงนี้ ที่ถือเป็นช่วงสำคัญของคนไทย ตนได้สั่งกำชับไปทั่วประเทศให้เฝ้าระวัง อย่าให้มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้น หัวหน้าสถานีตำรวจต้องรับผิดชอบ สำหรับรถยนต์ต้องสงสัยให้เฝ้าระวังก็ยอมรับว่า มีการแจ้งให้ระวังรถเป้าหมาย 30 คัน ที่คนร้ายอาจใช้ก่อเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ สำหรับผู้กระทำความผิด หรือคนร้ายที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการประสานความร่วมมือ เพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี และได้เพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันเหตุ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้วิตกกังวล และใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อมูล หรือเบาะแสคนร้ายขอความร่วมมือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบได้ทั้งที่สถานีตำรวจ, ตำรวจภูธรจังหวัด, ตำรวจภูธรภาค หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ