ยะลา - สุดรันทด! ชีวิตชายวัย 60 ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม อาศัยกระต๊อบหลังเล็กอยู่ใน อ.เบตง จ.ยะลา น้ำตาคลอไม่มีใครกล้าเข้ารับทำงาน เผยต้องการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สักครั้งหนึ่งในชีวิต
วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 30 บ้านจับยี่ลุ่ย หมู่ 1 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา มีชายวัย 60 ปี อาศัยอยู่ในกระต๊อบเพียงลำพัง และป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม ซึ่งไม่มีอาชีพอะไร เพราะไปหางานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ อยู่อย่างยากลำบาก และต้องการความช่วยเหลือ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายชิติ เจริญรัตนประภา อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กๆ ขนาด 2×2 เมตร มุงด้วยหลังคาสังกะสีเก่าๆ และใช้ถุงปุ๋ยกับป้ายไวนิลขึงล้อมไว้แทนฝาบ้าน กันฝนไม่ได้ ไม่มีประตู ไม่มีห้องน้ำ มีไฟฟ้าที่เพื่อนบ้านต่อให้ 1 ดวง ภายในกระต๊อบมีแค่เสื่อปูนอนกับผ้าห่ม และเครื่องครัวเตาถ่านเท่านั้น
นายชิติ ได้เล่าถึงชีวิตรันทดให้ฟังว่า ตนเองป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมมาตั้งแต่อายุ 15 ปี และมีพี่น้อง 3 คน แต่ไม่เคยได้รับการติดต่อจากญาติพี่น้องเลย จากนั้นมาก็มุ่งทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับเข้าทำงานด้วย เพราะเขารังเกียจโรคที่เป็นอยู่ จึงต้องอาศัยอยู่กับน้องชายที่กรุงเทพฯ แถวถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ แต่น้องชายก็มีฐานะยากจนเช่นกัน และอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นโรคท้าวแสนปมเช่นเขา
ซึ่งเมื่ออยู่ๆ ไปก็มีแต่คนรังเกียจ บางครั้งคิดน้อยใจจะฆ่าตัวตาย แต่ก็มีเพื่อนในละแวกแถวนั้นซึ่งเป็นชาวพม่าได้มาให้กำลังใจในการต่อสู้ชีวิต และได้ชักชวนตนลงมาอยู่ที่ อ.เบตง และมาหางานทำ แต่ก็ไม่มีใครจ้าง เพื่อนชาวพม่าบอกแก่ตนว่า จะหาเลี้ยงตนเองด้วยความสงสาร และเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อนชาวพม่าได้ถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และทางการได้ส่งตัวกลับไปยังประเทศพม่า ตนจึงได้อยู่เพียงลำพังจากนั้นเป็นต้นมา จนชาวบ้านแถวนั้นทนเห็นความลำบากอดอยากไม่ได้ จึงได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก โพสต์ภาพลุงคนหนึ่งกำลังนั่งซึมเศร้าอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตามลำตัวเต็มไปด้วยตุ่มขึ้นทั่วทั้งร่างกาย เหมือนมีเนื้องอกออกมาจากร่างกาย พร้อมเขียนข้อความว่า วอนสื่อช่วยเหลือด้วย
หลังจากได้ลงในสื่อโซเชียล นายณัฐกิตติ์ กาญจน ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประชาตำบลธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา ทราบข่าว จึงได้รายงานให้ นายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง ทราบ หลังจากนั้น ได้รับมอบหมายจากนนายอำเภอเบตง ให้ทำการเข้าช่วยเหลือ จึงได้เดินทางพร้อมกับสื่อมวลชน และชาวบ้านเข้ามอบอาหรแห้ง เครื่องดื่ม และเงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น
นายชิติ เจริญรัตนประภา หรือลุงชง กล่าวอีกว่า ตนเองนั้นอยากกลับไปยังบ้านเกิดที่กรุงเทพฯ เพื่อไปถวายสักการะพระบรมศพในหลวง หลังจากที่ทราบข่าวถึงการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และตนต้องการที่ไปถวายสักการะพระบรมศพในหลวง สักครั้งหนึ่งในชีวิต