xs
xsm
sm
md
lg

ใต้ตอนบนจัดพิธีวางพานพุ่ม-ลงนามแสดงความอาลัย “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน จัดกิจกรรมแสดงความอาลัยแต่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย โดยที่จังหวัดภูเก็ต ระนอง พังงา ได้จัดพิธีวางพานพุ่ม และลงนามแสดงความอาลัย เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ขณะที่เด็กนักเรียนที่สุราษฎร์ฯ ร่วมแปรอักษรเป็นรูปหัวใจ แสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

จังหวัดภูเก็ต ประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สด และพิธีลงนามแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2559

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (14 พ.ย.) ที่หอประชุมประดู่แดง โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดและพิธีลงนามแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2559 โดยมี นายสนิท ศรีวิหค และนางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการ ภาคเอกชน สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต สมาชิกสภาเกษตรกร สื่อมวลชน และนักเรียนเข้าร่วมพิธีเพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งฝนหลวง”

นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ว่า ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เห็นชอบการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งฝนหลวง” และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการบังคับเมฆให้เกิดฝน จนเกิดเป็นเทคโนโลยีฝนหลวง ที่ขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากให้แก่มวลพสกนิกรของพระองค์ที่ประสบภัยแล้ง และเป็นองค์ประกอบในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศจวบจนปัจจุบัน

พสกนิกรชาวไทยทั้งมวลต่างสำนึก และตระหนักว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตรำพระวรกายในการทรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของราษฎรผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสทั่วทุกภาคของประเทศ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยทรงมีพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ตลอดจนพระอัจฉริยภาพ และพระวิริยอุตสาหะในการทรงทุ่มเทให้แก่การประดิษฐ์คิดค้น วิจัยและพัฒนา จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริมากมายนานัปการ ซึ่งรวมถึงโครงการพระราชดำริฝนหลวง อันก่อเกิดประโยชน์คุณูปการ อเนกอนันต์แก่ปวงชนชาวไทย ด้วยพระเมตตาธรรม และพระจริยธรรมที่ล้ำเลิศยิ่งในพระมหากรุณาธิคุณคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อมนี้ เหล่าข้าพระพุทธเจ้า ปลื้มปีติ และสำนึกในพระเมตตาธิคุณอย่างมิรู้เสื่อมคลาย

ดังนั้น เนื่องในโอกาส “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2559 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 2 คน รวมทั้งข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานต่างๆ ตลอดจนผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสักการะ และแสดงความอาลัยเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยพระองค์ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่สมดั่งสมัญญานาม “สมเด็จพระภัทรมหาราช”

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมในพิธีทั้งหมดยังได้น้อมถวายความจงรักภักดี และตั้งปณิธานน้อมนำแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้ไปปฏิบัติด้วยความตั้งใจมั่นสืบไป

ที่จังหวัดพังงา นายศรีพงศ์ บุตรงามดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2559 โดยมีส่วนราชการ พนักงาน ลูกจ้างสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ตำรวจ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมในพิธี โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ด้วยพระราชหฤทัยที่ทรงรัก และห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริคิดค้น วิจัยหากรรมวิธีการทำฝนในประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรน้ำของประเทศ ที่ทรงคาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต ด้วยพระวิริยอุตสาหะของพระองค์ ทรงมีพระราชดำริที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ ในการบังคับเมฆให้เกิดเป็นฝน จนเกิดเป็นเทคโนโลยีฝนหลวง ที่ขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากให้แก่พสกนิกรของพระองค์ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ทรงค้นคว้า ทดลอง และวิจัยพัฒนากรรมวิธีการทำส่วนสูงด้วยพระองค์เอง ระหว่างปี พ.ศ.2512 ถึง 2514 จนประสบความสำเร็จ และโปรดเกล้าให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรองรับในการนำเทคโนโลยีฝนหลวงของพระองค์ไปปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

คณะรัฐมนตรี จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เห็นชอบให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะพระบิดาแห่งฝนหลวง และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ให้ประชาชนทั้งในปัจจุบัน และอนุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมในพระบารมี ร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากให้แก่พสกนิกรของพระองค์ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และประกอบในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน

ส่วนที่จังหวัดระนอง จัดพิธีถวายราชสักการะ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง โดยที่อาคารโรงยิมเนเซียมองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร นักเรียน พ่อค้าประชาชน ประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สด ลงนามแสดงความอาลัย และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 ให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะที่ทรงมีพระราชดำรินำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์จนเกิดเป็นเทคโนโลยีฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 อันก่อประโยชน์คุณูปการอเนกอนันต์ เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่พสกนิกรปวงชนชาวไทย

จากนั้นภายในงานยังได้จัดนิทรรศการฝนหลวง ให้ประชาชนนิสิตนักศึกษา ได้ชื่นชมพระราชอัฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านฝนหลวงอีกด้วย

ขณะที่นักเรียนอนุบาล ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนเทพมิตรศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 300 คน ร่วมกันร้องเพลงพระราชาในนิทาน และแปรอักษรเป็นรูปหัวใจแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่โรงเรียนอนุบาลเทพมิตรศึกษา อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี บาทหลวงทรงราชย์ ศรีระหงส์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพมิตรศึกษา นำครู นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 รวมทั้งผู้ปกครองร่วมกันทำพิธีแปรอักษรเป็นรูปหัวใจโดยคณะครู และผู้ปกครองยืนกรอบนอกสีดำ ภายในเป็นเด็กอนุบาลในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พร้อมกล่าวคำแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณชู พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 นาที จากนั้นทุกคนร่วมกันร้องเพลงพระราชาในนิทาน โดยเด็กๆ ต่างตั้งอกตั้งใจร้องเพลงส่งเสียงดังกึกก้อง เพื่อเป็นการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย พร้อมกับชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นเหนือศีรษะอย่างพร้อมเพรียงด้วยความรักและอาลัยต่อพระเจ้าอยู่หัว

ในขณะเดียวกัน ที่วัดพัฒนาราม (วัดหลวงพ่อพัฒน์) พระครูพิศาล พัฒนานุกิจ และบรรดาลูกศิษย์ได้จัดเลี้ยงอาหารประเภทกวยจั๋บ บัวลอยมะพร้าวอ่อน ลอดช่องสิงคโปร์ ไอศกรีม ฟรีแก่ประชาชนในรอบๆ บริเวณวัดกว่า 1,000 คน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ที่ครบ 30 วันแห่งการสวรรคต


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น