ตรัง - แม้ล่าสุดทะเลตรังจะมีท้องฟ้าเปิด ฝนตกน้อยลง และเปิดให้ท่องเที่ยวทะเลอย่างเป็นทางการมาถึง 1 เดือนแล้ว แต่ยังคงมีคลื่นลมแรงซัดชายหาดพังยับ รวมทั้งต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาด ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวเงียบเหงา
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการร้านอาหาร บริเวณชายหาดปากเมง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากคลื่นซัดชายหาดได้รับความเสียหายตลอดแนวชายหาด โดยเฉพาะบริเวณหาดปากเมง และหาดเจ้าไหม ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งมีร้านค้าวางอยู่ตลอดแนวชายหาดนั้น มีต้นไม้ล้มทับร้านค้าได้รับความเสียหาย และมีน้ำทะเลกัดเซาะลึกเข้ามาประมาณ 5 เมตร จนต้องย้ายโต๊ะ เก้าอี้ ที่ตั้งไว้คอยให้บริการออกไปเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พร้อมเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่ส่อจะล้มลง หลังจากมีคลื่นกัดเซาะโคนต้นไม้ จนมีรากโผล่ขึ้นมาเหนือผิวดิน
โดยเฉพาะในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าฝั่งทะเลอันดามันจะมีท้องฟ้าเปิด และมีฝนตกน้อยลง แต่คลื่นลมในทะเลกลับยังคงมีความรุนแรง จนเรือประมงขนาดเล็กต้องงดออกจับสัตว์น้ำ ขณะที่เรือหางยาวที่เคยจอดลอยลำเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว ก็ต้องนำไปจอดในลำคลองเพื่อหลบคลื่นลมที่สูง และแรง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เรือ และอุปกรณ์ได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าช่วงนี้ทะเลตรัง จะเปิดให้ท่องเที่ยวทะเลอย่างเป็นทางการมาถึง 1 เดือนแล้ว แต่ก็มียังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อย ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจัดเตรียมไว้ริมชายหาด แทบจะไม่มีผู้มาใช้บริการเลย
ผู้ประกอบการร้านอาหารรายหนึ่ง บอกว่า ปีนี้ทะเลตรังมีคลื่นลมแรง และนานกว่าทุกๆ ปี ทำให้ชายหาดเกิดคลื่นกัดเซาะชายฝั่งเสียหายเป็นอย่างมาก โดยแต่ละปีในช่วงหน้ามรสุมจะมีคลื่นกัดเซาะชายฝั่งประมาณ 3 เมตร โดยเฉพาะปีนี้ปีเดียวกลับมีแผ่นดินต้องถูกคลื่นกัดเซาะไปแล้วประมาณ 5 เมตร และเชื่อว่าหากไม่มีการสร้างเขื่อน หรือพนังกันคลื่น คาดว่าไม่เกิน 3 ปี ถนนเลียบชายหาดปากเมง-หาดเจ้าไหม จะถูกตัดขาดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บริเวณชายหาด และใช้เป็นที่ร่มเงาพักผ่อนของนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับความเสียหายไปทั้งหมดอย่างแน่นอน
