ชุมพร - กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมทหาร มทบ.44 จับกุมสอบสวนขบวนการแก๊งเงินกู้นอกระบบที่ชุมพร เชื่อมโยงนายทุนใหญ่กรุงเทพฯ ขยายผลกวาดล้างจับกุมต่อเนื่อง พร้อมประสาน ป.ป.ท.จัดการเจ้าหน้าที่รัฐรับส่วย
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (26 ต.ค.) พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.ภาค 4 สย.1 ร.ท.เสน่ห์ นุ่มพรมทอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย บก.ควบคุม มทบ.44 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยนำกำลังไปควบคุมตัวหัวหน้าสายงานแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองชุมพร ประกอบด้วย นายพงศ์ชัย พูลศรี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204/6 ถนนณรงค์วิถี ตำบลอุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี นายสายัณ นาคสังข์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218 หมู่ 5 ตำบลหนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท นายธนากร หลวงวังโพธิ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244/1 ตำบลเขาทอง อ.พยุหคีรี จ.นครสรรค์ นายเอกรินทร์ โม๊ะโซย อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 5 ตำบลเกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางเงินสด 36,000 บาท ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง สมุดรายชื่อทีมงานปล่อยกู้นอกระบบ สมุดรายชื่อลูกค้าพร้อมเบอร์โทรศัพท์ และโพยระบุชื่อเล่นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำแหน่งหน่วยงานที่ต้องจ่ายส่วยรายเดือน พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ รถยนต์กระบะ 2 คัน และ รถ จยย.3 คัน
โดยมีเจ้าหน้าที่ DSI ประกอบด้วย นายสุรลักษณ์ รัตนศรีเขมรักษ์ นายสุรินทร์ เครือหงส์ นายภูวเดช พ้นภัย นายบันดาล คงศรีปาน พนักงานสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคใต้ (ศปพ.ต.) มาร่วมสอบสวนปากคำเก็บข้อมูลในการตรวจสอบขยายผลขบวนการเครือข่ายแก๊งทวงนี้นอกระบบ
หลังสอบสวนเก็บข้อมูลพยานหลักฐานใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง แก๊งเงินกู้ยอมรับว่าได้เข้ามาปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นานกว่า 2 ปีแล้ว โดยมีนายทุนใหญ่อยู่กรุงเทพมหานคร มีการแบ่งสายงานพื้นที่รับผิดชอบไม่ต่ำกว่า 100 ชุด แต่ละชุดเรียกว่า 1 โต๊ะ มีลูกน้อง 10-20 คน กระจายกันทำงานในพื้นที่ จ.ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ โดยเช่าสำนักงานอยู่ในตัวเมืองชุมพร โดยแต่ละโต๊ะจะต้องจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐเกือบ 10 หน่วยงาน เป็นรายเดือนทุกต้นเดือนๆ ละ 2,000-12,000 บาท ทุกโต๊ะต้องจ่ายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน
ต่อมา เมื่อเวลา 22.00 น.คืนเดียวกัน ทหารชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย บก.มทบ.44 ได้ควบคุมแก๊งเงินกู้มาได้เพิ่มอีก 2 คน ทราบชื่อคือ นายมนัส หรือเอก ชัยเทศ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 3 ตำบลนาข่า อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นหัวหน้าชุดสาย 5 รับผิดชอบพื้นที่อำเภอปะทิว อำเภอท่าแซะ และนายณติพงษ์ พร้อมไธสงค์ อายุ 23 ปี หรือเด่น อยู่บ้านเลขที่ 139/1 หมู่ 10 ตำบลหนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นลูกทีม เจ้าหน้าที่จับกุมได้ขณะออกเก็บเงิน และปล่อยเงินกู้นอกระบบในช่วงกลางคืนที่บริเวณใกล้สถานีรถไฟอำเภอปะทิว ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ยึดของกลางรถยนต์กระบะ 1 คัน เงินสด 47,580 บาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง นามบัตรแนะนำและยอดตัวปล่อยเงินกู้ได้ตั้งแต่ 1,000-100,000 บาท เจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่า อยู่ในแก๊งนายทุนกลุ่มเดียวกัน และมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน
นายสุรลักษณ์ รัตนศรีเขมรักษ์ พนักงานสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคใต้ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังสอบสวนขยายผลอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตนจึงได้ประสานกับทหารเพื่อขอหลักฐานข้อมูล และร่วมสอบสวนแก๊งเงินกู้ทั้งหมด เพื่อนำไปรวมกับที่กรุงเทพมหานคร ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และเครือข่าย ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเป็นกลุ่มนายทุนเดียวกัน ส่วนที่พบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเรียกเก็บผลประโยชน์นั้น ได้แนะนำต่อทหารให้ทำหนังสือประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งมีอำนาจโดยตรง และตรวจสอบข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อความเชื่อมโยงกันได้ รวมถึงตรวจสอบฐานะทางการเงินเพื่อใช้ประกอบหลักฐานในการเอาผิดได้
พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.ภาค 4 สย.1 กล่าวว่า ขณะนี้ได้จับกุมระดับหัวหน้าสายงานแก๊งเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 12 คน ซึ่งทำงานกันเป็นระบบเครือข่ายขบวนการรูปแบบบริษัท มีตำแหน่งระดับสายงาน มีเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการต่างๆ มีเงินหมุนเวียนมาจากนายทุนใหญ่ 10-20 ล้านบาท ซึ่งหลังมีการกวาดล้างอย่างจริงจังส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปบ้างแล้ว ขณะที่บางกลุ่มยังอยู่แต่ได้ย้ายสถานที่ทำงานแต่ก็ตามจับกุมมาได้ต่อเนื่อง และถือเป็นเรื่องดีที่มีกรมสอบสวนสวนคดีพิเศษ เข้ามาร่วมด้วย เพราะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งตนได้มอบข้อมูลหลักฐานสำคัญทั้งหมดให้ไปแล้ว เพื่อหยุดยั้งขบวนการนี้ให้สิ้นซาก และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช.ต่อไป