ชุมพร - ทหาร มทบ.44 ทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียน 10-20 ล้านบาท พบบัญชีจ่ายส่วยเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท ให้เจ้าหน้ารัฐ และนักข่าวท้องถิ่นรวม 10 คน
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (22 ต.ค.) พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 พ.ต.เอกพล ธำรงโชติ นายทหารฝ่ายข่าว ร.ท.เสน่ห์ นุ่มพรมทอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบ ร.ท.ชาญณรงค์ ทองแก้ว อัยการผู้ช่วยศาล มทบ.44 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยได้เชิญตัว นายชาตรี หวีเกศ หรือแต อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 5 ตำถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ หัวหน้าแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในจังหวัดชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ พร้อมลูกน้องในสายงานเงินกู้นอกระบบ ประกอบด้วย นายณัฐพล โพธิ์ขวาง หรือนิว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นายสาธิตย์ เส็งแดง หรือรุ่ง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290 หมู่ที่ 3 ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท นายสมรักษ์ วิชัยรัมย์ หรือรักษ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 10 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก นายสุวิทย์ เหมือนการ หรือโจ๊ก 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/4 หมู่ที่ 4 ต.พลวงสองนาง อ.สว่างอารมณ์ จ.อ่างทอง มาสอบสวน หลังจากมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายจนหวาดกลัวไปทั่ว
โดยนายชาตรี หัวหน้าแก๊ง ได้ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ทหารเป็นอย่างดี จนขยายผลไปควบคุมตัว น.ส.อมรา แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 ถนนสุนทรสถิตย์ ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นฝ่ายเก็บรวบรวมเงิน และทำบัญชี ได้เช่าห้องพักอยู่ชั้น 2 อพาร์ตเมนต์พิศาลแมนชั่น เขตเทศบาลเมืองชุมพร และนำตัวไปตรวจค้นสำนักงานซึ่งเป็นบ้านเช่าอยู่ในกรมหลวงซอย 12 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร ทั้ง 2 จุดเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารโพยรายชื่อลูกค้า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง เงินสดจากแก๊งเงินกู้รวม 672,548 บาท ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง สมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ขนาด 150 ซีซี จำนวน 20 เล่ม และโพยรายชื่อจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักข่าวรวม 10 รายชื่อ เป็นเงินเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท
ระหว่างการสอบปากคำได้มีลูกหนี้เงินกู้นอกระบบกว่า 10 ราย มาชี้ตัวยืนยันว่า ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นรายวันร้อยละ 20 บาท หากจ่ายเงินไม่ตรงเวลาจะไม่สามารถผัดผ่อนได้ก็จะถูกแก๊งดังกล่าวข่มขู่คุกคามจะทำร้ายต่างๆ นานาจนหวาดกลัว ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ จนต้องมาร้องเรียนทหารดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลนานหลายชั่วโมง กระทั่งถึงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 23 ต.ค.59 จนได้ข้อมูลเชิงลึกว่า มีแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มรวมกว่า 100 คน แต่ละกลุ่มจะมีทีมงานชุดละ 10-20 คน ได้กระจายกันปล่อยเงินกู้อยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายทุนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ใช้เงินหมุนเวียน 10-20 ล้านบาท มีการแบ่งสายงานกันทำแบบระบบบริษัท มีระดับหัวหน้าสายงาน ผู้ควบคุมตรวจสอบชุดปฏิบัติงาน หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งแต่ละคนที่เป็นระดับหัวหน้าตามสายงาน จะมีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และแต่ละกลุ่มจะต้องจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักข่าวบางคนในท้องถิ่นด้วยจึงจะสามารถปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ได้ โดยจะนัดจ่ายส่วยกันทุกวันที่ 3 ของเดือน
ทั้งนี้ แก๊งปล่อยเงินกู้ทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบจริงในอัตราร้อยละ 20 บาทต่อวัน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายลูกหนี้ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 กล่าวว่า หลังสอบปากคำได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ที่ มทบ.44 เพื่อขยายผลในเชิงลึก เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะส่งต่อให้ทาง คสช.ส่วนกลางดำเนินการต่อนายทุนใหญ่ และเครือข่ายที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไป ส่วนแก๊งเงินกู้ทั้งหมดหลังรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จแล้วจะนำตัวไปส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับแจ้งผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดเข้ามารับทราบข้อมูล และปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีการกวดขันปราบปรามจับกุมให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช. ส่วนบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีผลประโยชน์รับส่วยก็จะให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเรียกตัวมาสอบสวน หากเกี่ยวข้องจริงก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาดต่อไป
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (22 ต.ค.) พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 พ.ต.เอกพล ธำรงโชติ นายทหารฝ่ายข่าว ร.ท.เสน่ห์ นุ่มพรมทอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบ ร.ท.ชาญณรงค์ ทองแก้ว อัยการผู้ช่วยศาล มทบ.44 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยได้เชิญตัว นายชาตรี หวีเกศ หรือแต อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 5 ตำถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ หัวหน้าแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในจังหวัดชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ พร้อมลูกน้องในสายงานเงินกู้นอกระบบ ประกอบด้วย นายณัฐพล โพธิ์ขวาง หรือนิว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นายสาธิตย์ เส็งแดง หรือรุ่ง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290 หมู่ที่ 3 ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท นายสมรักษ์ วิชัยรัมย์ หรือรักษ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 10 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก นายสุวิทย์ เหมือนการ หรือโจ๊ก 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/4 หมู่ที่ 4 ต.พลวงสองนาง อ.สว่างอารมณ์ จ.อ่างทอง มาสอบสวน หลังจากมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายจนหวาดกลัวไปทั่ว
โดยนายชาตรี หัวหน้าแก๊ง ได้ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ทหารเป็นอย่างดี จนขยายผลไปควบคุมตัว น.ส.อมรา แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 ถนนสุนทรสถิตย์ ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นฝ่ายเก็บรวบรวมเงิน และทำบัญชี ได้เช่าห้องพักอยู่ชั้น 2 อพาร์ตเมนต์พิศาลแมนชั่น เขตเทศบาลเมืองชุมพร และนำตัวไปตรวจค้นสำนักงานซึ่งเป็นบ้านเช่าอยู่ในกรมหลวงซอย 12 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร ทั้ง 2 จุดเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารโพยรายชื่อลูกค้า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง เงินสดจากแก๊งเงินกู้รวม 672,548 บาท ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง สมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ขนาด 150 ซีซี จำนวน 20 เล่ม และโพยรายชื่อจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักข่าวรวม 10 รายชื่อ เป็นเงินเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท
ระหว่างการสอบปากคำได้มีลูกหนี้เงินกู้นอกระบบกว่า 10 ราย มาชี้ตัวยืนยันว่า ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นรายวันร้อยละ 20 บาท หากจ่ายเงินไม่ตรงเวลาจะไม่สามารถผัดผ่อนได้ก็จะถูกแก๊งดังกล่าวข่มขู่คุกคามจะทำร้ายต่างๆ นานาจนหวาดกลัว ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ จนต้องมาร้องเรียนทหารดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลนานหลายชั่วโมง กระทั่งถึงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 23 ต.ค.59 จนได้ข้อมูลเชิงลึกว่า มีแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มรวมกว่า 100 คน แต่ละกลุ่มจะมีทีมงานชุดละ 10-20 คน ได้กระจายกันปล่อยเงินกู้อยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายทุนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ใช้เงินหมุนเวียน 10-20 ล้านบาท มีการแบ่งสายงานกันทำแบบระบบบริษัท มีระดับหัวหน้าสายงาน ผู้ควบคุมตรวจสอบชุดปฏิบัติงาน หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งแต่ละคนที่เป็นระดับหัวหน้าตามสายงาน จะมีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และแต่ละกลุ่มจะต้องจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักข่าวบางคนในท้องถิ่นด้วยจึงจะสามารถปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ได้ โดยจะนัดจ่ายส่วยกันทุกวันที่ 3 ของเดือน
ทั้งนี้ แก๊งปล่อยเงินกู้ทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบจริงในอัตราร้อยละ 20 บาทต่อวัน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายลูกหนี้ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 กล่าวว่า หลังสอบปากคำได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ที่ มทบ.44 เพื่อขยายผลในเชิงลึก เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะส่งต่อให้ทาง คสช.ส่วนกลางดำเนินการต่อนายทุนใหญ่ และเครือข่ายที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไป ส่วนแก๊งเงินกู้ทั้งหมดหลังรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จแล้วจะนำตัวไปส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับแจ้งผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดเข้ามารับทราบข้อมูล และปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีการกวดขันปราบปรามจับกุมให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช. ส่วนบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีผลประโยชน์รับส่วยก็จะให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเรียกตัวมาสอบสวน หากเกี่ยวข้องจริงก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาดต่อไป