กระบี่ - ยาย 89 ปี อดีตข้าราชการครูชาว จ.กระบี่ เผยภาพประทับใจ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้มีโอกาสรับเสด็จ และถวายรายงานต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎร และทรงพระราชทานเสื้อผ้าให้เด็กนักเรียนยากไร้ ที่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2516
วันนี้ (22 ต.ค.) นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร อดีตกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า มีคุณยายสูงอายุท่านหนึ่ง ทราบชื่อคือ นางกัลยา ไกรเลิศ อายุ 89 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 504 ถ.อุตรกิจ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้มีโอกาสได้รับเสด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างใกล้ชิด เมื่อครั้งทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรที่เกาะพีพี ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2516 และได้เก็บภาพบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้เป็นอย่างดี จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงคุณยายกัลยา ก็ได้นำภาพถ่ายผู้หญิงขณะนั่งรับเสด็จอยู่ข้างๆ ครูใหญ่โรงเรียนบ้านเกาะพีพี และถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งสมัยนั้นเกาะพีพีเ ป็นถิ่นทุรกันดารยังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้ และยังคงจดจำเหตุการณ์ได้ดี
โดย ยายกัลยา เล่าถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจ และสร้างความปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตว่า เมื่อครั้งที่ในหลวง ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฎรที่เกาะพีพี เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2516 และพระราชทานเสื้อผ้าให้เด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน ตนก็ได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่าน ซึ่งในตอนนั้นตนมีตำแหน่งเป็นครู ในสังกัดศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ เดินทางไปในฐานะผู้แทนของเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ร่วมกับกับคณะของทางจังหวัด โดยทำหน้าที่ถวายรายงานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียน ของโรงเรียนบ้านเกาะพีพี ซึ่งในสมัยนั้นเด็กนักเรียนมีฐานะยากจนมาก และอยู่ในถิ่นกันดาร ในหลวงท่านทรงเสด็จไปเยี่ยมเพราะเป็นห่วงในความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนที่นั่น
“ขณะที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินบริเวณชายหาด ก่อนถึงศาลาที่พัก โดยได้ทรงหยุด จากนั้นครูใหญ่ของโรงเรียนบ้านเกาะพีพี ที่คอยรับเสด็จก็ได้ถวายรายงาน มีนักเรียนชาย และหญิงรวมประมาณ 61 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งขณะนั้นตนก็ได้ไปนั่งรับเสด็จอยู่ข้างๆ ครูใหญ่ พระองค์ท่านก็ทรงตรัสว่า “ที่นี่ลำบากมั้ย มีเรือประจำทางมั้ย ไปกลับยังไง” ตนก็ถวายรายงานไปว่า ที่เกาะพีพี ไม่มีเรือโดยสารประจำทาง มีแต่เรือของชาวบ้าน และเรือหาปลา หากจะเดินทางมาที่เกาะพี ก็จะต้องอาศัยเรือชาวบ้านเดินทางมา” เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนก็รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสถวายรายงานต่อพระองค์ท่าน และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยราษฎรของพระองค์ทุกชนชั้น ทุกศาสนา ไม่ว่าจะอยู่ในถิ่นทุรกันดารแค่ไหน พระองค์ก็ทรงเสด็จไปถึงเพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน หลังจากนั้นไม่นาน เกาะพีพี ก็ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ด้วยพระบารมีของพระองค์ และจะดำเนินชีวิตตามรอยพระยุคลบาท นางกัลยา กล่าว
สำหรับจังหวัดกระบี่ จากบันทึกการเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ ทรงเสร็จพระราชดำเนินที่จังหวัดกระบี่ รวม 3 ครั้ง คือ เมื่อปี พ.ศ.2502 ปี พ.ศ.2513 และ พ.ศ.2516 โดยทรงเสด็จพระราชดำเนินที่เกาะพีพี เมื่อวันที่ 19เมษายน ปี.พ.ศ.2516 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินทร เทพรัตนราชสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จประพาสโดยเรือรบหลวง ออกจากกิ่งอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เสด็จเยี่ยมราษฎรที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ทรงทอดพระเนตรภาพเขียนสีเกาะพีพีเล หินงอก และหินย้อยในถ้ำไวกิ้ง ซึ่งทอดพระเนตรหินงอกกลางลานถ้ำ มีลักษณะคล้ายเศียรพญานาค ภายหลังทรงขนานนามว่า “ถ้าพญานาค” จากนั้นได้เสด็จพระราชดาเนินไปยังหมู่ 1 ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เยี่ยมราษฎรในอำเภอเกาะลันตา และพระราชทานที่ดินบริเวณบ้านสังกาอู้ ให้แก่ชาวเลไว้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างถาวร