xs
xsm
sm
md
lg

นายทุนพร้อมคืนพื้นที่ป่าอนุรักษ์พรุกระชิงคืนหากตรวจพบบุกรุกจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชุมพร - ตัวแทนบริษัทสหวิริยา เข้าพบ ผบ.มทบ.44 ชี้แจงรุกป่าอนุรักษ์พรุกระชิง จ.ชุมพร หากตรวจสอบบุกรุกจริงพร้อมคืนให้รัฐ

จากกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนมณฑลทหารบก 44 (มทบ.44) เรื่อง ป่าอนุรักษ์ชายเลนพรุกระชิง ซึ่งเป็นป่าพรุกระชิง หรือป่าพรุน้ำจืด เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ อยู่ในเขตหมู่ที่ 2, 3, 4, 5 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มนายทุน และชาวบ้านบุกรุกเพื่อเตรียมขยายฐานการผลิตที่ตั้งโรงงาน และปลูกปาล์มน้ำมันไปกว่า 1 พันไร่ จนมีการร้องเรียนไปยังทหาร กระทั่ง พล.ต.อุดมวิทย์ มโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 มีคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบมีชาวบ้านฐานะดีเข้าไปบุกรุกครอบครอง 82 ราย ปลูกปาล์มน้ำมันตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ห้องประชุมมลฑลทหารบก 44 นายภดล พรโสภณชัย ผู้แทนจากบริษัท สหวิริยา จำกัด นายจักรินทร์ ดวงกลม ผู้แทนจากบริษัท สวนทรายงาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ได้เข้าพบกับ พล.ต.อุดมวิทย์ มโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 เพื่อเข้าชี้แจงกรณีบุกรุกที่ป่าอนุรักษ์พรุกระชิง โดยมี นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอ ปะทิว ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา พ.ต.สังคม รองมาลี นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน บก.ควบคุม มทบ.44 นายประกิต แข่งขัน นายก อบต.ปากคลอง และผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย

โดยผู้แทนบริษัททั้ง 2 แห่ง ซึ่งได้ครอบครองพื้นที่บางส่วนในป่าพรุกระชิง ได้ชี้แจงว่าเพื่อมาแสดงความบริสุทธิใจ เนื่องจากมีพื้นที่ครอบครองอยู่ 2 แปลง ประมาณ 300 ไร่ ส่วนหนึ่งซื้อต่อมาจากชาวบ้านโดยไม่มีเอกสารสิทธิ เมื่อทราบว่าอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์พรุกระชิง ก็พร้อมยินดีที่จะมอบคืนพื้นที่ให้แก่รัฐ แต่สวนหนึ่งซื้อมาโดยมีเอกสารสิทธิการครอบครอง น.ส.3ก. ก็พร้อมยินดีให้หน่วยงานเกี่ยวข้องทำการตรวจสอบไปตามขั้นตอน และหากพบว่าได้มาไม่ถูกต้องก็พร้อมคืนให้แก่รัฐด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีผู้บุกรุกอีก 82 ราย ซึ่งจากการที่ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ มทบ.44 ลงพื้นที่ตรวจสอบ และทราบรายชื่อที่อยู่ของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งพบว่าผู้บุกรุกส่วนใหญ่เข้าไปปลูกปาล์มน้ำมันไว้เพื่อแสดงสิทธิการเป็นเจ้าของเพื่อขายต่อให้แก่นายทุน และส่วนหนึ่งซื้อขายต่อๆ กันมา ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ในตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร และอำเภอบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเกือบทุกรายมีอาชีพฐานะค่อนข้างดี ไม่ได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่จับจองแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อประกอบหลักฐานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช.ในการทวงคืนผืนป่ากลับมาให้แผ่นดินต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น