ปัตตานี - เจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานี สนธิกำลังร่วมนำอุปกรณ์ล็อกเรือผิดกฎหมาย จำนวน 73 ลำ หลังพบไม่มีทะเบียนเรือ และไม่มีใบอนุญาตทำการประมง พร้อมสั่งห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด
วันนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรวัต โพธิ์เรียง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานี พร้อมด้วย น.ท.มงคล อุปถัมภ์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก จ.ปัตตานี พ.ต.ท.พุทธินันท์ พุทธิรานนท์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำปัตตานี นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ติดตรึงพังงาเรือ และสติกเกอร์ห้ามเคลื่อนย้ายเรือ นำไปติดตั้งบนเรือประมงผิดกฎหมายที่ไม่มีทะเบียนเรือ และไม่มีใบอนุญาตทำการประมง จำนวน 73 ลำ เพื่อไม่ให้เรือประมงผิดกฎหมายออกทำการประมงอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 53/2559 ลงวันที่ 3 ก.ย.2559 ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ 3
การติดอุปกรณ์ติดตรึงพังงาเรือ และสติกเกอร์ในครั้งนี้เพื่อป้องกันไม้ให้เรือประมงผิดกฎหมายลักลอบนำเรือประมงออกทำการจับปลาได้อีก และห้ามไม่ให้ผู้ใดปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือ และเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดแจ้งเรืออย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น หรือกรณีเหตุฉุกเฉินให้สามารถปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือ หรือเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดที่แจ้งเรือได้
แต่ต้องแจ้งต่อ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ภายใน 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันที่มีการเคลื่อนย้ายเรือ ถ้ามีผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท สำหรับเรือขนาด 10 ตันกรอส และปรับเพิ่มขึ้นตามขนาดของเรือในส่วนที่เกิน 10 ตันกรอสขึ้นไป ตันกรอสละ 1 หมื่นบาท
นายเรวัต โพธิ์เรียง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานี เปิดเผยว่า ภารกิจในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันในการนำเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/59 โดยกำหนดให้กรมเจ้าท่าเป็นหน่วยงานหลัก ในการนำเครื่องมือไปติดไว้กับเรือประมงที่ผิดกฎหมาย
โดยในพื้นที่ จ.ปัตตานี มีจำนวน 73 ลำ โดยเป็นกลุ่มที่ไม่มีทะเบียนเรือ และใบอนุญาตการกทำประมง ซึ่งทางเจ้าของเรือประมงได้แจ้งจุดที่เรือจอดไว้แล้ว ทั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ทางอียู ว่า เรือประมงที่ผิดกฎหมายนี้ไม่สามารถที่จะลักลอบออกไปทำการประมงได้อีก