ระนอง - จังหวัดระนอง ร่วมสนธิกำลังจับกุมขบวนการขนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รวบชาวพม่า พร้อมคนนำพา 24 คน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ร้อย ร.2521 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ตม.จว.ระนอง นายอำเภอเมืองระนอง ได้แถลงผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 22 คน พร้อมผู้นำพาได้ จำนวน 2 คน
พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 1 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521 ฉก.ร.25 ร่วมกับกองร้อยรักษาความสงบ ตร.สภ.บางแก้ว และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง สนธิกำลังวางแผนจับกุมขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวหลบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภายหลังสืบทราบว่า ที่บริเวณหน้าเขาข้าง กม.30 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง จะมีการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยสามารถจับกุมผู้นำพาได้ จำนวน 2 คน เป็นชาวพม่า ซึ่งเป็นคนขับเรือ ต่อมา ทราบชื่อคือ นายชาย (สัญชาติพม่า) อายุ 28 ปี และนายมิวอู (สัญชาติพม่า) อายุ 23 ปี และควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว จำนวน 22 คน รวมเป็นชาย 16 คน หญิง 7 คน เด็กชาย 1 คน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า แรงงานต่างด้าวดังกล่าวจะเดินทางไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต จ.ชุมพร อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ และประเทศมาเลเซีย ผลการตรวจสอบไม่มีเอกสารในการเดินทางแต่อย่างใด จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และได้ควบคุมตัวมาที่ร้อย ร.2521 ฉก.ร.25
พ.อ.ศานติ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวทั้ง 24 คน ให้การว่า พวกตนได้เดินทางมาจากจังหวัดทวาย จังหวัดมะริด ประเทศพม่า เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีนายหน้าทั้งไทย และพม่าเป็นคนติดต่อให้ไปทำงาน ซึ่งทางนายหน้าจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน และจะหักเงินเมื่อได้ทำงานแล้ว โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 จ๊าต หรือ 600 บาทต่อคน ซึ่งหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนขยายผลว่าผู้นำพาเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ต่อไป
นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เผยถึงการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ว่า ได้ควบคุมตัวแรงงานด้าวเพื่อมาตรวจสอบสอบสวนเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งในส่วนการบูรณาการของจังหวัดระนอง เน้นเรื่องมนุษยธรรม การสาธารณสุข ความเป็นอยู่ และจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ร้อย ร.2521 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ตม.จว.ระนอง นายอำเภอเมืองระนอง ได้แถลงผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 22 คน พร้อมผู้นำพาได้ จำนวน 2 คน
พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 1 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521 ฉก.ร.25 ร่วมกับกองร้อยรักษาความสงบ ตร.สภ.บางแก้ว และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง สนธิกำลังวางแผนจับกุมขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวหลบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภายหลังสืบทราบว่า ที่บริเวณหน้าเขาข้าง กม.30 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง จะมีการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยสามารถจับกุมผู้นำพาได้ จำนวน 2 คน เป็นชาวพม่า ซึ่งเป็นคนขับเรือ ต่อมา ทราบชื่อคือ นายชาย (สัญชาติพม่า) อายุ 28 ปี และนายมิวอู (สัญชาติพม่า) อายุ 23 ปี และควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว จำนวน 22 คน รวมเป็นชาย 16 คน หญิง 7 คน เด็กชาย 1 คน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า แรงงานต่างด้าวดังกล่าวจะเดินทางไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต จ.ชุมพร อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ และประเทศมาเลเซีย ผลการตรวจสอบไม่มีเอกสารในการเดินทางแต่อย่างใด จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และได้ควบคุมตัวมาที่ร้อย ร.2521 ฉก.ร.25
พ.อ.ศานติ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวทั้ง 24 คน ให้การว่า พวกตนได้เดินทางมาจากจังหวัดทวาย จังหวัดมะริด ประเทศพม่า เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีนายหน้าทั้งไทย และพม่าเป็นคนติดต่อให้ไปทำงาน ซึ่งทางนายหน้าจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน และจะหักเงินเมื่อได้ทำงานแล้ว โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 จ๊าต หรือ 600 บาทต่อคน ซึ่งหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนขยายผลว่าผู้นำพาเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ต่อไป
นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เผยถึงการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ว่า ได้ควบคุมตัวแรงงานด้าวเพื่อมาตรวจสอบสอบสวนเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งในส่วนการบูรณาการของจังหวัดระนอง เน้นเรื่องมนุษยธรรม การสาธารณสุข ความเป็นอยู่ และจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป