ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปิดฉากอดีตเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ถูกต้องในภูเก็ต-พังงา มูลค่าหลายหมื่นล้าน ชิงจบชีวิตตัวเองด้วยการผูกคอตายตายภายในห้องควบคุมสำนักงานดีเอสไอ ขณะที่ปัญหาการบุกรุกออกเอกสารสิทธิที่ดินในภูเก็ตพบมีการกระทำความผิดจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเร่งตรวจสอบดำเนินคดี
กลายเป็นข่าวดังอีกครั้ง ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา หลัง นายธวัชชัย อนุกูล อดีตหัวหน้าฝ่ายทะเบียนสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการผูกคอตายในห้องควบคุมของสำนักงานดีเอสไอ ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมได้เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1165/2559 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2559 โดยถูกจับกุมได้ที่บริเวณด้านหน้าร้านตัดผมเลขที่ 61/55 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้ปัญหาการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมา นายธวัชชัย กลายเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อการออกเอกเอกสารที่ดินในพื้นที่ภูเก็ต พังงา จำนวนหลายร้อยแปลง และหนีการจับกุมมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
โดยเที่ดินแปลงใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อ นายธวัชชัย มีหลายแปลงด้วยกัน แต่ละแปลงมีมูลค่าที่ดินสูงเป็นพันๆ ล้าน เช่น บริเวณเขาหน้ายักษ์ ที่ออกทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี จำนวน 500 ไร่ ราคาประเมินของกรมที่ดินไร่ละ 21 ล้านบาท มูลค่าทั้งสิ้น 10,500 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นคหบดีชื่อดังในพื้นที่จังหวัดพังงา และภูเก็ต นอกจากนั้น ที่ยังที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง และเป็นที่สนใจอีก 2 แปลง คือที่ดินเลขที่ 98414 และ 98415 หน้าสำรวจ 597 และ 598 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเทือกเขานาคเกิด” ซึ่งมีตระกูลดังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เนื้อที่ 65 ไร่ 2 งาน 97 งาน แต่จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินทั้ง 2 แปลง ทางกรมที่ดินได้เสนอเพิกถอนแล้ว
รวมทั้งการออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 61483-61491 หมู่ที่ 5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต โดยมิชอบ เนื้อที่รวม 362-3-12 ไร่ ให้บริษัทแห่งหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินตามระวางแผนที่ปรากฏว่า ที่ดินที่นำรังวัดดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 108 ที่นำมาขอออกเป็นโฉนด นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายแปลงที่ นายธวัชชัย เข้าไปเกี่ยวข้องต่อการออกโฉนดที่ดิน ในเบื้องต้น คาดว่ามีเป็น 1,000 แปลง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งล่าสุดที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจพบคือการออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดลายัน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถหาดในยาง ซึ่งที่ผ่านมาทางหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบจนพบว่า มีการกระทำความผิดหลายกระทงด้วยกัน
ขณะที่ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามาที่สุด จนเป็นที่มาของการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน ทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน และพื้นที่ป่าชายเลน เนื่องจากราคาที่ดินในภูเก็ตแพงมหาศาล ทำให้เกิดการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของชาวบ้าน และนายทุน โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงามเป็นที่ดินที่ถูกหมายปองจากกลุ่มนายทุนที่ต้องการนำมาพัฒนาเป็นที่พักตากอากาศหรู โรงแรม และรีสอร์ต ที่เป็นข่าวโด่งดังอยู่ก่อนหน้านี้ และขณะนี้
เช่น ที่ดินบริเวณถนนสายนาคาเล ต.กมลา อ.กะทู้ ก็มีอยู่หลายแปลงที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ และล่าสุด ที่เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ คือ การตรวจสอบการบุกรุกออกเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ ตั้งแต่ปี 2555 พบว่า มีการบุกรุกออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 715 แปลง เนื้อที่ 3,953-0-12 ไร่ ได้รับสารบบที่ดินจากกรมที่ดินแล้ว จำนวน 489 แปลง เนื้อที่ 2,300-2-95 ในจำนวน 489 แปลง คาดว่าออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย 93 แปลง เนื้อที่ 136-0-27 ไร่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 266 แปลง เนื้อที่ 1,683-3-33.95 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีที่ดินที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อีกจำนวน 130 แปลง เนื้อที่ 480-3-34 ไร่ ศาลตัดสินให้อุทยานชนะแล้ว 6 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ
นอกจากนั้น ที่มีการดำเนินการล่าสุดคือ การตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิที่ไม่น่าจะถูกต้องจำนวนมาก โดยชุดฉลามขาวได้ลงพื้นที่ภูเก็ต และเข้าตรวจสอบที่ดินแปลงสำคัญๆ เช่น รอยัลมารี โบ๊ทลากูน บ่อเลี้ยงกุ้งต่างๆ ซึ่งการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเข้มข้น มีการจับกุมผู้กระทำความผิดหลายสิบราย และจากการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของชุดฉลามขาว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกคุกคาม
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยตัวเองว่า ได้ลงนามในคำสั่งย้าย นายพศวัต คุระวรรรณ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 (ภูเก็ต) จ.ภูเก็ต ออกจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยให้มาประจำส่วนอำนวยการ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ที่ส่วนกลาง เนื่องจากการปฏิบัติภารกิจภายใต้ยุทธการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนในชุดปฏิบัติฉลามขาวของ ทช. ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่ครอบครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเกิดความไม่พอใจ และได้มีการว่าจ้างมือปืนเพื่อมาทำร้าย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงซึ่งจะต้องสืบทางลึกว่า กลุ่มนายทุน กลุ่มอิทธิพลที่ข่มขู่เอาชีวิตเจ้าหน้าที่เป็นใคร โดยมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ถลาง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา
กลายเป็นข่าวดังอีกครั้ง ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา หลัง นายธวัชชัย อนุกูล อดีตหัวหน้าฝ่ายทะเบียนสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการผูกคอตายในห้องควบคุมของสำนักงานดีเอสไอ ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมได้เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1165/2559 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2559 โดยถูกจับกุมได้ที่บริเวณด้านหน้าร้านตัดผมเลขที่ 61/55 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้ปัญหาการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมา นายธวัชชัย กลายเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อการออกเอกเอกสารที่ดินในพื้นที่ภูเก็ต พังงา จำนวนหลายร้อยแปลง และหนีการจับกุมมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
โดยเที่ดินแปลงใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อ นายธวัชชัย มีหลายแปลงด้วยกัน แต่ละแปลงมีมูลค่าที่ดินสูงเป็นพันๆ ล้าน เช่น บริเวณเขาหน้ายักษ์ ที่ออกทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี จำนวน 500 ไร่ ราคาประเมินของกรมที่ดินไร่ละ 21 ล้านบาท มูลค่าทั้งสิ้น 10,500 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นคหบดีชื่อดังในพื้นที่จังหวัดพังงา และภูเก็ต นอกจากนั้น ที่ยังที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง และเป็นที่สนใจอีก 2 แปลง คือที่ดินเลขที่ 98414 และ 98415 หน้าสำรวจ 597 และ 598 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเทือกเขานาคเกิด” ซึ่งมีตระกูลดังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เนื้อที่ 65 ไร่ 2 งาน 97 งาน แต่จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินทั้ง 2 แปลง ทางกรมที่ดินได้เสนอเพิกถอนแล้ว
รวมทั้งการออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 61483-61491 หมู่ที่ 5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต โดยมิชอบ เนื้อที่รวม 362-3-12 ไร่ ให้บริษัทแห่งหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินตามระวางแผนที่ปรากฏว่า ที่ดินที่นำรังวัดดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 108 ที่นำมาขอออกเป็นโฉนด นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายแปลงที่ นายธวัชชัย เข้าไปเกี่ยวข้องต่อการออกโฉนดที่ดิน ในเบื้องต้น คาดว่ามีเป็น 1,000 แปลง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งล่าสุดที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจพบคือการออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดลายัน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถหาดในยาง ซึ่งที่ผ่านมาทางหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบจนพบว่า มีการกระทำความผิดหลายกระทงด้วยกัน
ขณะที่ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามาที่สุด จนเป็นที่มาของการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน ทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน และพื้นที่ป่าชายเลน เนื่องจากราคาที่ดินในภูเก็ตแพงมหาศาล ทำให้เกิดการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของชาวบ้าน และนายทุน โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงามเป็นที่ดินที่ถูกหมายปองจากกลุ่มนายทุนที่ต้องการนำมาพัฒนาเป็นที่พักตากอากาศหรู โรงแรม และรีสอร์ต ที่เป็นข่าวโด่งดังอยู่ก่อนหน้านี้ และขณะนี้
เช่น ที่ดินบริเวณถนนสายนาคาเล ต.กมลา อ.กะทู้ ก็มีอยู่หลายแปลงที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ และล่าสุด ที่เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ คือ การตรวจสอบการบุกรุกออกเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ ตั้งแต่ปี 2555 พบว่า มีการบุกรุกออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 715 แปลง เนื้อที่ 3,953-0-12 ไร่ ได้รับสารบบที่ดินจากกรมที่ดินแล้ว จำนวน 489 แปลง เนื้อที่ 2,300-2-95 ในจำนวน 489 แปลง คาดว่าออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย 93 แปลง เนื้อที่ 136-0-27 ไร่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 266 แปลง เนื้อที่ 1,683-3-33.95 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีที่ดินที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อีกจำนวน 130 แปลง เนื้อที่ 480-3-34 ไร่ ศาลตัดสินให้อุทยานชนะแล้ว 6 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ
นอกจากนั้น ที่มีการดำเนินการล่าสุดคือ การตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิที่ไม่น่าจะถูกต้องจำนวนมาก โดยชุดฉลามขาวได้ลงพื้นที่ภูเก็ต และเข้าตรวจสอบที่ดินแปลงสำคัญๆ เช่น รอยัลมารี โบ๊ทลากูน บ่อเลี้ยงกุ้งต่างๆ ซึ่งการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเข้มข้น มีการจับกุมผู้กระทำความผิดหลายสิบราย และจากการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของชุดฉลามขาว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกคุกคาม
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยตัวเองว่า ได้ลงนามในคำสั่งย้าย นายพศวัต คุระวรรรณ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 (ภูเก็ต) จ.ภูเก็ต ออกจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยให้มาประจำส่วนอำนวยการ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ที่ส่วนกลาง เนื่องจากการปฏิบัติภารกิจภายใต้ยุทธการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนในชุดปฏิบัติฉลามขาวของ ทช. ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่ครอบครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเกิดความไม่พอใจ และได้มีการว่าจ้างมือปืนเพื่อมาทำร้าย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงซึ่งจะต้องสืบทางลึกว่า กลุ่มนายทุน กลุ่มอิทธิพลที่ข่มขู่เอาชีวิตเจ้าหน้าที่เป็นใคร โดยมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ถลาง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา