ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ที่ปรึกษา สบ 10 ลงภูเก็ต ตรวจสอบตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้าซีพี เฟรซมาร์ท ถนนศักดิเดช คาดเป็นตัวควบคุมหลักก่อนกระจายไปกดเงินในพื้นที่อื่นในภาคใต้ พร้อมเร่งรัดตรวจสอบรถเช่าที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เชื่อเป็นรถเช่าในพื้นที่ภูเก็ต เตรียมเรียกประชุมทีมสืบสวนในพื้นที่หาแหล่งเช่ารถ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.) พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ 10 (สัญญาบัตร 10) พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุแฮกข้อมูล และฉกเงินจากตู้เอทีเอ็มในหลายพื้นที่ โดยวันนี้ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน ซึ่งติดตั้งหน้าร้านเจแอนด์ พี ซูเปอร์มาร์ท ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จากนั้นได้ร่วมประชุมกับคณะทำงานที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 8 ต.ไม้ขาว จ.ภูเก็ต หลังจากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านซีพี เฟรช มาร์ท สาขาภูเก็ต ถ.ศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็น 2 ใน 5 ตู้ ที่ถูกคนร้ายขโมยเงินไป โดยมี พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.อาคม สายสมัย รอง ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันชี้แจงรายละเอียด และขั้นตอนรวมทั้งวธีการที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ
พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ 10 กล่าวภายหลังการตรวจสอบพื้นที่ ว่า จุดเริ่มต้นที่คนร้ายดำเนินการนั้นเริ่มจาก จ.พังงา ในช่วงเดือนมีนาคม 2559 ซึ่งคนร้ายใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยการดำเนินการที่พังงา คาดว่าเป็นการดำเนินการโดยคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ และเป็นการทดลองดำเนินการกับระบบเครื่อง ซึ่งคนร้ายได้เงินไป 4.5 ล้านบาทเศษ คนร้ายชุดนี้มีปรากฏภาพชัดเจน 1 คน ขณะที่ 2 คน ไม่ชัดเจนมากนัก รวมถึงในส่วนของยานพาหนะที่ใช้ก็ไม่ชัดเจน ซึ่งจะได้มีการเผยแพร่ออกไปเพื่อให้ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันแจ้งเบาะแส หลังจากนั้นประมาณวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2559 ได้มาดำเนินการกับตู้หน้าร้านซีพี เฟรช มาร์ท สาขาภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเป็นตู้หลัก หรือตู้มาสเตอร์เพื่อเป็นตู้ควบคุมการทำงานของระบบ จากการควบคุมพบว่า มีการสั่งการไปยังตู้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 2 ตู้
“สิ่งบอกเหตุคือ เมื่อมีการดำเนินการควบคุมตู้ไปในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีคนร้าย 2 ชุด โดยชุดหนึ่งใช้รถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว เริ่มปฏิบัติการในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตระเวนกดเงินด้วยการใช้การ์ดซึ่งทำมาจากประเทศอังกฤษ หรือยูเค เมื่อเสียบบัตรเข้าไป และกดยกเลิกก็จะมีเงินออกมา ซึ่งทำลักษณะเช่นนี้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 5 ตู้ ตั้งแต่บริเวณพื้นที่บ้านท่าฉัตรไชย เรื่อยมาในตัวเมืองภูเก็ต และไปจบที่พื้นที่ใกล้กับสนามบินภูเก็ต เวลา 01.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 โดยเราเชื่อว่าหลังจากนั้นคนร้ายก็ได้นั่งเครื่องบินไปที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นกลุ่มคนร้ายดังกล่าวซึ่งมี 1-2 คน ออกจากสนามบินไปกดเงินตู้แรกในพื้นที่บางนา สาขาไปรษณีย์ เมื่อเวลาประมาณ 3 นาฬิกา ของวันที่ 29 กรกฎาคม จากนั้นมากดในพื้นที่สุขุมวิท 23 โดยมีการปิดบังใบหน้า ลักษณะรูปร่างเป็นชาวยุโรป ต่อมา ในเวลา 21.00 น. วันเดียวกันได้ไปเงินในพื้นที่วิภาวดีรังสิต และในเวลาต่อมาก็กดอีกหนึ่งครั้งในพื้นที่ดังกล่าว รุ่งเช้าอีกวัน (30 ก.ค.) เวลาประมาณ 20.00 น. เริ่มกดที่วิภาวดีรังสิต จากนั้นเวลาประมาณ 3 นาฬิกา บริเวณสุขุมวิท และบางนาอีกรอบ ซึ่งเป็นชุดที่ดำเนินการที่ภูเก็ต ก่อนจะไปกดต่อที่กรุงเทพฯ”
ส่วนคนร้ายอีกชุดใช้รถวีออส สีขาว เชื่อว่าออกจากภูเก็ตในวันที่ 31 กรกฎาคม โดยกดครั้งแรกวันที่ 1 สิงหาคม เวลาประมาณเที่ยงคืน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ตู้ ต่อจากนั้นไปดำเนินการต่อที่ จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี จากนั้นย้อนกลับมาที่ จ.ภูเก็ต ในส่วนของคนร้ายจึงสามารถจำลองภาพได้ คือ ชุดใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมดำเนินการที่ จ.พังงา ในช่วงเดือนมีนาคม ส่วนอีกชุดมาติดตั้งอุปกรณ์ใน จ.ภูเก็ต ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม รวมไปถึงในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีด้วย เนื่องจากมีภาพวงจรปิดปรากฏ และอีกชุดก็เริ่มปฏิบัติการกดเงิน คาดว่าจะเป็นชุดเดียวกันกับชุดติดตั้งอุปกรณ์โดยใช้รถฟอร์จูนเนอร์ สีขาวในภูเก็ต จากนั้นเอารถจอดไว้ และเดินทางไปดำเนินการที่กรุงเทพฯ ก่อนจะกลับมาที่ภูเก็ต ส่วนอีกชุดใช้รถยนต์วีออส กดเรื่อยไปจนถึงเพชรบุรี พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว
พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเงินจากตู้เอทีเอ็มที่กดได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เบื้องต้นที่ได้รับแจ้ง จำนวน 1 ล้านบาทเศษ เหตุที่ภูเก็ตได้น้อยอาจเป็นเพราะเงินในตู้มีน้อย หรือคนร้ายอาจจะอยู่ในพื้นที่จึงทำให้ไม่เกิดความเสียหายมากนัก ทั้งนี้ เชื่อว่ารถที่ใช้ทั้งวีออส สีขาว และรถฟอร์จูนเนอร์ เป็นรถที่เช่าในพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งหากร้านเช่าใดเห็นว่ามีจีพีเอสที่ปรากฏในการนำรถมาคืนในช่วงดังกล่าวในพื้นที่สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี จนถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบด้วย รวมไปถึงในส่วนของรถยนต์ซีวิค สีขาว ซึ่งพบว่ามีการนำมาใช้ในการกดเงินด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ารถดังกล่าวเช้าจากร้านใด ซึ่งหากทราบจะทำให้คืบหน้าได้มากกว่านี้
ในส่วนของคนร้ายนั้นก็มีข้อมูลที่จะติดตามได้หลายทาง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด อยู่ระหว่างการติดตาม ที่สำคัญที่สุด คือ ติดตามเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต เพราะเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนต่างชาติ เพื่อจะได้ออกหมายจับได้ชัดเจน เบื้องต้น คาดว่าเป็นต่างชาติทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นในส่วนของคนไทยซึ่งอาจจะช่วยเหลือบางอย่าง ส่วนจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะมีจำนวนไม่เกิน 10 คน กรณีของพนักงานธนาคาร ในชั้นสอบสวนยังไม่พบความเกี่ยวพัน ซึ่งพยายามสืบสวนในส่วนต่างๆ หากมีเบาะแสก็สามารถแจ้งแก่ทางเจ้าหน้าที่ได้ รวมทั้งอยากขอร้องว่าหากพบเห็นผู้ที่ยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มเป็นเวลานาน และเป็นชาวต่างชาติในช่วงเวลากลางคืนก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพราะกรณีนี้เบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวยุโรปตะวันออก ซึ่งจะมีการปิดบังหน้าตา เพราะหากเป็นสุจริตชนก็ไม่ปฏิบัติเช่นนั้น