พังงา - หนุ่มสวนยางพาราในจังหวัดพังงา พาครอบครัวเข้าศาลากลางจังหวัด ชูป้ายวอนขอความเป็นธรรมผู้ว่าฯ ช่วยที่ดินทำกิน หลังมีหนังสือจากอุทยานแห่งชาติศรีพังงา เข้ารื้อถอน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (25 ส.ค.) นายอนุทัศน์ พลีตา อายุ 39 ปี อาชีพทำสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 7 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา พร้อมครอบครัวร่วม 10 คน เดินทางเข้าศาลากลางจังหวัดพังงา เพื่อขอยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา พร้อมชูป้ายวอนขอให้ผู้ว่าฯ พังงา ช่วยเหลือ กรณีที่ตนเองมีที่ดินทำกินอยู่ หมู่ 1 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยสร้างสวนผลไม้แบบผสมผสาน ก่อนประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานมสาว จากนั้นได้ทางพ่อของตนเองได้ทำสวนยางพารา จำนวนกว่า 5 ไร่ ก่อนจะพื้นที่ดังกล่าวจะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติศรีพังงา ในปี 2531 โดยไม่มีการแจ้ง และวัดเขตแนวพื้นที่ให้ชัดเจน ทางครอบครัว นายอนุทัศน์ จึงได้ทำสวนยางพาราพร้อมขอสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์สวนยางมาโดยตลอด เนื่องจากในรายงานการสำรวจตรวจสอบเพื่อการปลูกแทนของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์สวนยาง ได้ระบุพื้นที่ดังกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในเขตหวงห้ามใดๆ ตาม ทส.16204.37 (พง.5)/942 ลงวันที่ ธันวาคม 2552
โดยทางจังหวัดพังงา ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 มีสาระสำคัญคือ นายอนุทัศน์ พลีตา ไม่ใช่เป็นผู้ยากไร้ตามเกณฑ์ จปฐ. รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี/คน จึงไม่มีเหตุให้ชะลอการทำลายรื้อถอนผลอาสิน และประเด็นการตรวจสอบยืนยันว่า ครอบครัวของ นายอนุทัศน์ เคยได้รับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพาราจากรัฐในการปลูกใหม่ทดแทนจริง ตามหนังสือเลขที่ พง.0013.3/7771 เหตุนี้ นายอนุทัศน์ จึงนำครอบครัวร้องขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวจำนวนกว่า 10 ชีวิต และยืนยันหากทางจังหวัดไม่แก้ปัญหาจะไม่กลับบ้าน
ล่าสุด ทางจังหวัดพังงา ได้ประสานทาง ทสจ.พังงา เพื่อเข้าพูดคุยทำความเข้าใจแก่ นายอนุทัศน์ และครอบครัว จนกระทั่งเป็นที่พอใจ พร้อมสรุปว่า ทางอุทยานแห่งชาติศรีพังงา ได้ชะลอการรื้อถอนผลอาสินของ นายอนุทัศน์ ไปก่อนจนกว่าทางกรรมการพิจารณาที่ดินของรัฐทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นกองทุนสงเคราะห์อนุมัติให้สงเคราะห์ เนื่องจากมีรายงานการสำรวจตรวจสอบเพื่อการปลูกแทน ที่ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตหวงห้ามใดๆ ซึ่งทางหน่วยงานที่เข้าร่วมไม่เชื่อว่าเอกสารดังกล่าวได้มาตามขั้นตอนของทางราชการ จึงขอให้ทางอุทยานแห่งชาติศรีพังงา ชะลอการรื้อถอนเฉพาะแปลงไปก่อน จนกว่ามีการตรวจสอบเสร็จสิ้น ทำให้ทางครอบครัว นายอนุทัศน์ มีความพอใจระดับหนึ่ง และกลับภูมิลำเนา