ยะลา - กองข่าวภัยแทรกซ้อน สำนักข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ การลักลอบตัดไม้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาสะสมมานานหลายปี ผู้สั่งการบางกลุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการกองข่าวภัยแทรกซ้อน สำนักข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ปัญหาการลักลอบบุกรุกป่าไม้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2554 โดยจากการเริ่มต้นสำรวจพบว่า มีการบุกรุกแผ้วถ่างป่ามากขึ้นในทุกปี โดยทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการขึ้นบินสำรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัด ทั้ง 3-4 จังหวัดในพื้นที่
ซึ่งเมื่อขึ้นบินสำรวจแล้วก็พบพื้นที่ถูกบุกรุก ก็ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อทำการจับกุมผู้กระทำความผิด แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นว่า ด้วยระยะทาง และพื้นที่ที่ห่างไกลทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในขณะนั้น เนื่องจากผู้กระทำความผิดได้หลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงตรวจเก็บดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ เพื่อจะดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดต่อไป และอีกปัญหาหนึ่งนอกจากการตัดไม้แล้ว คือ การบุกรุกแผ้วถางเพื่อจับจองพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ เนื่องจากการยึดครองพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่สามารถจะกระทำได้อย่างถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ จำนวนป่าไม้ที่ถูกบุกรุกทำลายไปนับตั้งแต่เริ่มการสำรวจพบว่า มีป่าไม้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้ถูกบุกรุกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3,600 กว่าไร่ ที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบ ก็จะต้องมีการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่ากันต่อไป โดยเมื่อเกิดความแห้งแล้งมาผนวก ความชื้นในพื้นที่ลดลงก็ทำให้เกิดความแห้งแล้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดผลกระทบด้านปัญหาความแห้งแล้ง และขาดแคลนน้ำอยู่ในขณะนี้
พ.อ.จตุพร กลัมพสุต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้มีการจับกุมการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสได้ โดยไม้ที่มักจะถูกกลุ่มมอดไม้ลักลอบตัดจะเป็นการสั่ง และว่าจ้างจากกลุ่มนายทุนให้ตัดไม้ที่มีค่า เช่น ไม้ตะเคียนทอง ไม้หลุมพอ และลักลอบนำออกจากพื้นที่เพื่อไปจำหน่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้ติดตามจับกุมผู้กระทำความไปแล้วในบางส่วน และติดตามไปถึงผู้ที่สั่งการ หรือนายทุน ซึ่งก็พบข้อมูลว่า นายทุนบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องต่อผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่อีกด้วย โดยได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการดูแลพื้นที่ การส่งเสบียงอาหาร และการสนับสนุนให้มีการลักลอบตัดไม้เพื่อผลประโยชน์ร่วมจากรายได้ในการตัดไม้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งติดตามจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
