น่าน - กลุ่มมอดไม้เมืองน่านเมินกระแสปลูกป่าแก้เขาหัวโล้น ลอบตัดไม้กลางป่าสงวนฯ ต้นน้ำสา แม่สาคร ไม่หยุด ล่าสุดชุดพยัคฆ์ไพรขึ้น ฮ.บินตรวจเห็นเต็มตา ก่อนส่งกำลังลุยภาคพื้นดิน ยึดของกลางไม้ชิงชันได้อื้อ แต่แก๊งไม้เถื่อนหนีไปได้
เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) นายนิทรรศ เวชวินิจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ พร้อมด้วยนายชัยรัตน์ แสงปาน ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ได้นำกำลังชุดพยัคฆ์ไพร กว่า 50 นาย บุกจับกลุ่มมอดไม้ที่กำลังลักลอบตัดไม้ชิงชัน เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าต้นน้ำสา แม่สาคร ท้ายหมู่บ้านบ่อหอย หมู่ 6 ต.ตาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน
โดยพบมีการลักลอบตัดไม้ชิงชันจนเหลือแต่ตอเป็นบริเวณกว้าง และพบไม้ชิงชันถูกตัดแปรรูปในป่าเป็นท่อนเหลี่ยม หน้ากว้าง 30-40 เซนติเมตร ยาว 3 เมตร จำนวน 20 ท่อน วางเรียงไว้เตรียมขนย้าย และเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง ส่วนกลุ่มผู้กระทำผิดได้ไหวตัวใช้ความชำนาญพื้นที่วิ่งหลบหนีไป
นายนิทรรศเปิดเผยว่า หลังนำเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรฯ ขึ้นบินสำรวจผืนป่าที่มีการลักลอบตัดไม้ และมีการบุกรุกใหม่หลังปี พ.ศ. 2557 พบมีการบุกรุกป่าใหม่ในพื้นที่ตำบลบ่อ อ.เมืองน่าน, บ้านนาก้า-บ้านฮากฮาน และบ้านบ่อหอย ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา
โดยเฉพาะที่บ้านบ่อหอยนั้นเป็นพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากป่าต้นน้ำสา แม่สาคร พื้นที่กว่า 2 แสนไร่มีทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีไม้ชิงชัน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมืด-ราคาสูง จึงเป็นที่หมายตาของเหล่ามอดไม้ และนายทุนด้วย
หลังจากนี้จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปลาดตระเวนตรวจตราภายในพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้ และตั้งจุดตรวจสกัดกั้นเส้นทางรอยต่อระหว่างจังหวัด จุดเสี่ยงที่จะใช้ในการลักลอบลำเลียงไม้ออกจากพื้นที่ป่า เพื่อป้องกันไม่ให้ลักลอบลำเลียงไม้หลุดรอดออกไปได้ รวมทั้งการทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ให้เห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่า
ทั้งนี้ เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ส่วนหนึ่งก็เป็นคนในพื้นที่ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวบางกลุ่ม ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำชุมชนจะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านกลุ่มนี้ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่รู้จักรัก และหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เข้ามาเป็นกำลังเสริม ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ ร่วมปกป้องผืนป่าให้ยังคงอยู่คู่กับประเทศชาติไปจนถึงลูกหลานรุ่นต่อไป